เจ็ตบลู-สปิริตล้มดีลควบรวมสายการบิน หลังศาลสหรัฐชี้เป็นการผูกขาด

เจ็ตบลู แอร์เวย์ส (JetBlue Airways) และสปิริต แอร์ไลน์ส (Spirit Airlines) ยกเลิกข้อตกลงควบรวมกิจการมูลค่า 3.8 พันล้านดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ (4 มี.ค.) โดยสายการบินต้นทุนต่ำทั้งสองระบุว่า ดีลนี้ไม่มีทางไปต่อหลังจากที่ศาลสหรัฐระงับข้อตกลงดังกล่าวเมื่อเดือนม.ค. เนื่องด้วยข้อกังวลเรื่องการผูกขาด

หากข้อตกลงประสบความสำเร็จ จะทำให้เกิดสายการบินที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของสหรัฐ และอาจช่วยให้สปิริตอยู่รอดได้ โดยสปิริตกำลังเผชิญปัญหาขาดเงินสดและมีหนี้สินจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม การควบรวมกิจการครั้งนี้เจออุปสรรคตั้งแต่ศาลในบอสตันระบุว่า ดีลดังกล่าวจะส่งผลเสียต่อผู้บริโภคโดยเป็นการลดการแข่งขัน

คำตัดสินของผู้พิพากษาวิลเลียม ยัง ในบอสตันนั้นถือเป็นชัยชนะของฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่พยายามป้องกันการควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมสายการบินสหรัฐไปมากกว่านี้ โดยโต้แย้งว่าดีลควบรวมดังกล่าวจะยิ่งทำให้ตั๋วเครื่องบินแพงขึ้นสำหรับลูกค้า

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข้อมูลบันทึกภายในที่โจแอนนา เจราห์ตี ซีอีโอของเจ็ตบลู ระบุถึงพนักงานว่า “ด้วยคำตัดสินจากศาลรัฐบาลกลางและการคัดค้านอย่างต่อเนื่องจากกระทรวงยุติธรรม ความเป็นไปได้ที่จะได้รับไฟเขียวให้เดินหน้าควบรวมกิจการในเร็ว ๆ นี้นั้นต่ำมาก”

“ต่อให้มีการกลับคำตัดสินในศาลชั้นอุทธรณ์ เราก็ไม่เห็นวี่แววที่จะได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบภายในกำหนดเส้นตายวันที่ 24 ก.ค.”

แหล่งข่าววงในระบุว่า ผู้บริหารของเจ็ตบลูแอบโล่งใจที่ข้อตกลงถูกระงับ เนื่องจากสปิริตมีฐานะการเงินเสื่อมถอย หากทั้ง 2 บริษัทเกิดชนะคดีต่อต้านการผูกขาด เจ็ตบลูก็จะพิจารณาใช้ข้อกำหนด “การเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในเชิงลบ” ในสัญญากับสปิริต เพื่อถอนตัวจากข้อตกลง โดยอ้างถึงความตกต่ำของสปิริต

นายเท็ด คริสตี ซีอีโอของสปิริต กล่าวในแถลงการณ์ว่า “เราสรุปว่าอุปสรรคด้านกฎระเบียบในปัจจุบันจะไม่อนุญาตให้เราปิดการทำธุรกรรมนี้ได้ทันเวลาภายใต้ข้อตกลงการควบรวมกิจการ”

ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว เจ็ตบลูจะจ่ายเงินให้สปิริต 69 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ข้อตกลงการควบรวมกิจการมีผลบังคับใช้ ผู้ถือหุ้นของสปิริตได้รับเงินล่วงหน้ารวมประมาณ 425 ล้านดอลลาร์

เมื่อไม่มีการควบรวมกับเจ็ตบลูแล้ว สปิริต ซึ่งเป็นสายการบินที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของสหรัฐ จะเผชิญกับอุปสรรคขวากหนามเบื้องหน้า โดยสายการบินต้นทุนต่ำพิเศษแห่งนี้กำลังเผชิญปัญหาดีมานด์อ่อนแอในตลาดหลักของตน ขณะที่กิจการพยายามกลับมามีความสามารถในการทำกำไรอย่างยั่งยืนอีกครั้ง ด้านนักวิเคราะห์บางคนถึงขั้นให้ความเห็นว่า สปิริตอาจล้มละลายหากไม่สามารถหาเงินมาค้ำจุนกิจการได้

หุ้นของสายการบินสปิริตปิดตลาดนิวยอร์กวานนี้ (4 มี.ค.) ร่วงลงราว 11% ขณะที่หุ้นของเจ็ตบลู สายการบินขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของสหรัฐ ปิดพุ่งราว 4.3%

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 มี.ค. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top