นายกฯ สิงคโปร์ยันดีลผูกขาดคอนเสิร์ต “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ไม่ได้มุ่งร้ายต่อประเทศเพื่อนบ้าน

นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เปิดเผยวันนี้ (5 มี.ค.) ว่า การที่รัฐบาลสิงคโปร์ทำข้อตกลงพิเศษกับเทย์เลอร์ สวิฟต์ ซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของวงการเพลง ให้เลือกสิงคโปร์เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตเพียงแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายต่อประเทศเพื่อนบ้าน

นายลีกล่าวในการแถลงข่าว ณ เมืองเมลเบิร์นว่า “หน่วยงานของเราได้เจรจาข้อตกลงกับเธอ ให้มาจัดคอนเสิร์ตที่สิงคโปร์และทำให้สิงคโปร์เป็นจุดหมายปลายทางเพียงแห่งเดียวของการเวิลด์ทัวร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ … ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างมาก และผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่มีเจตนามุ่งร้าย”

ก่อนหน้านี้ ทางการสิงคโปร์ได้ยอมรับว่าได้ให้เงินสนับสนุนเทย์เลอร์ สวิฟต์ จัดคอนเสิร์ตในสิงคโปร์จริง หลังมีรายงานข่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทยระบุว่า สิงคโปร์มอบเงินอุดหนุนโดยมีเงื่อนไขว่า สิงคโปร์จะเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เทย์เลอร์ สวิฟต์ จะเข้ามาจัดคอนเสิร์ต

รายงานดังกล่าวยังสร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกสภานิติบัญญัติรายหนึ่งของฟิลิปปินส์ด้วย ซึ่งระบุว่า การกระทำดังกล่าว “ไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนบ้านที่ดีควรทำ”

ทั้งนี้ คณะกรรมการการท่องเที่ยวและกระทรวงวัฒนธรรมของสิงคโปร์ กล่าวถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ได้รับจากคอนเสิร์ตของเทย์เลอร์ สวิฟต์ โดยได้ทำข้อตกลงพิเศษเพื่อให้เทย์เลอร์ สวิฟต์ มาแสดงในสิงคโปร์ ส่งผลให้เทย์เลอร์ สวิฟต์ จัดคอนเสิร์ตถึง 6 รอบในสิงคโปร์ และบัตรขายหมดทุกรอบ

หลังจากที่เทย์เลอร์ สวิฟต์ ประกาศวันจัดคอนเสิร์ตในสิงคโปร์ได้ไม่นาน ยอดจองโรงแรมในสิงคโปร์ในเดือนมี.ค. 2567 ก็เพิ่มขึ้น 10%

ขณะเดียวกัน ดีมานด์เที่ยวบินมายังสิงคโปร์ก็สูงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเทย์เลอร์ สวิฟต์ จัดทัวร์คอนเสิร์ตเพียง 3 ประเทศในเอเชีย-แปซิฟิกเท่านั้นซึ่งได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสิงคโปร์

สิงคโปร์แอร์ไลน์ (Singapore Airlines) ซึ่งเป็นสายการบินชั้นนำของประเทศ และสกู๊ต (Scoot) สายการบินราคาประหยัด ต่างเปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า ดีมานด์เที่ยวบินมายังสิงคโปร์ในเดือนมี.ค.ปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกัน เจ็ทสตาร์ เอเชีย (Jetstar Asia) ยังยืนยันด้วยว่า ดีมานด์ในเส้นทางจากกรุงเทพ มะนิลา และจากาตาร์ ไปยังสิงคโปร์นั้น ปรับตัวขึ้นราว 20%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 มี.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top