นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ดัชนีย่อตัว นักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยตัวเลข PCE และ PMI ขณะที่หุ้นตัวใหญ่ที่ขึ้น XD ไปแล้ว เริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมา อย่างไรก็ดี มีหุ้นที่มีผลประกอบการดีพยุงตลาด อาทิ CPALL CPAXT สะท้อนกลุ่มค้าปลีกทยอยฟื้นตัว โดยให้แนวต้าน 1,400 จุด และแนวรับ 1,380 จุด
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีย่อตัวลง นักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาการจ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค.ของสหรัฐ ในวันพฤหัสนี้ และตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในวันศุกร์
ขณะที่หุ้นตัวใหญ่ที่ขึ้น XD ไปแล้วจึงเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมา ซึ่งวานนี้ตลาดหุ้นปรับตัวลงมาที่ 1,390 จุด และดีดตัวขึ้นเล็กน้อย แต่แนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,380 จุด
อย่างไรก็ดี มีหุ้นที่ผลประกอบการออกมาดีพยุงตลาด อาทิ CPALL ที่ผลประกอบการดีกว่าตลาดคาด และยังมีอัพไซด์พอสมควร รวมทั้ง CPAXT ผลประกอบการดีตาม สะท้อนภาพของกลุ่มค้าปลีกน่าจะทยอยฟื้นขึ้นมา โดยกลยุทธ์ในการลงทุนวันนี้ แนะนำลงทุน GLOBAL DOHOME เนื่องจากไตรมาส 1/67 มีโครงการ easy e-Reciept คาดว่ายอดขายน่าจะดี
โดยให้แนวต้าน 1,400 จุด และแนวรับ 1,380 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (27 ก.พ.67)ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 38,972.41 จุด ลดลง 96.82 จุด หรือ -0.25%, ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,078.18 จุด เพิ่มขึ้น 8.65 จุด หรือ +0.17% และดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,035.30 จุด เพิ่มขึ้น 59.05 จุด หรือ +0.37%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,833.61 เพิ่มขึ้น 42.81 จุด หรือ +0.25% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,016.26 เพิ่มขึ้น 0.78 จุด หรือ +0.03% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 39,189.22 จุด ลดลง 50.30 จุด หรือ -0.13%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ก.พ.67) ที่ 1,393.70 จุด ลดลง 4.44 จุด (-0.32%) มูลค่าซื้อขาย 55,731.56 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,299.73 ล้านบาท (27 ก.พ.67)
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 1.66% ปิดที่ 78.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 ก.พ.67) อยู่ที่ 7.48 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 35.82/83 ลุ้น GDP ไตรมาส 4/66 สหรัฐคืนนี้ คาดกรอบ 35.80-36.00
– กลุ่มซีพี ยื่น 4 เงื่อนไข “ปรับโครงสร้างการเงิน – แก้สัญญา แอร์พอร์ต เรล ลิงก์” แลกลงทุนไฮสปีดเทรน 3 สนามบินเพิ่ม 9 พันล้านบาท ก่อสร้างช่วงพื้นที่ทับซ้อนไฮสปีดเทรน ไทย-จีน ด้าน ร.ฟ.ท. คาดภายใน 1 เดือน การเจรจาได้ข้อสรุป
– ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งเป้าไตรมาส 2 ปีนี้ บังคับใช้มาตรการคุมเข้ม “ชอร์ตเซล” และ “โปรแกรมเทรดดิ้ง” หวังสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน พร้อมลุยปรับเทรด จับรายหุ้นใช้ “Auction-Circuit Breaker-Auto halt” จ่อเพิ่มโทษหนัก “คุมหุ้นร้อน” เตรียมหารือ ก.ล.ต. แก้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ เอาผิดลูกค้าทำ “เน็กเก็ตชอร์ต” พร้อมขานรับนโยบายนายกฯ หนุนตลาดทุนไทยเป็นวอลล์สตรีทแห่งอาเซียน
– “พีระพันธุ์” แจ้งข่าวดีประชาชนล่วงหน้า พยายามบริหารค่าไฟงวด พ.ค.-ส.ค.67 ไม่ขยับขึ้น คุมให้อยู่ที่เดิม 4.18 บาท/หน่วย หลัง ปตท.สผ. ยันขุดก๊าซฯ จากอ่าวไทยที่ขาดหายไปกลับคืนมาได้ตั้งแต่เดือน เม.ย.เป็นต้นไป เตรียมลงพื้นที่ไปตรวจสอบด้วยตนเอง 28 ก.พ. ย้ำจะใช้ทุกมาตรการดูแลค่าครองชีพประชาชน
– SPRC (กรุงศรี) ซื้อ ราคาเป้าหมาย 10.40 บาท มี Sentiment บวกจากข่าวรัสเซียห้ามส่งออกน้ำมันเบนซินเป็นเวลา 6 เดือน เริ่ม 1 มี.ค.นี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาในประเทศ ประเด็นนี้เป็นบวกต่อกลุ่มโรงกลั่นเนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันเบนซินรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก โดยโรงกลั่น SPRC จะได้ประโยชน์มากสุดเพราะมีสัดส่วนการกลั่นน้ำมันเบนซินมากที่สุดของกลุ่ม
– BCH (ดาโอ) ซื้อ เป้าเชิงกลยุทธ์ 22.50 บาท หุ้นโรงพยาบาลประกันสังคมมีข่าวลบเข้ามาถ่วงหลายสัปดาห์ก่อน เรื่องเงินรับจาก สนง.ประกันสังคมที่อาจจ่ายช้าในงวดไตรมาส 4/66 แต่หุ้นโรงพยาบาลคาดได้ประโยชน์มาตรการส่งเสริมด้านสาธารณสุขของรัฐบาล จึงยังเป็นบวกระยะยาว ด้านกำไรไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 441 ล้านบาท งวดไตรมาส 4/66 กำไรปกติแนวโน้มดีขึ้นจากโรคระบาดหลายโรคน่าจะช่วยหนุน นโยบายรัฐทั้ง 30 บาทรักษาทุกโรค ส่งเสริมกลไกสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค และอื่นๆ จะเอื้อต่อธุรกิจของโรงพยาบาลในระบบประกันสังคม
– AOT (คิงส์ฟอร์ด) ซื้อ ราคาเป้าหมาย 76.00 บาท แนวโน้ม Q2 งวดปี 66/67 (ม.ค.-มี.ค.67) คาดเห็นกำไรดีขึ้นต่อทั้ง QoQ, YoY หนุนจากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น นักท่องเที่ยวต่างชาติเดือน ม.ค.67 ที่ 3 ล้านคนเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวแข็งแกร่งของนักท่องเที่ยวจีนเป็นอันดับที่ 1 (0.5 ล้านคน คิดเป็น 48% ของช่วง Pre-Covid) มองผลบวกฟรีวีซ่าถาวรช่วยสร้าง Impact และลดความกังวลทั้งการปรับลด guidance จำนวนผู้โดยสาร ความสามารถในการชำระค่าตอบแทนของผู้ประกอบการในสนามบิน และรายได้จาก King Power ส่งผลให้การฟื้นตัวของกำไรกลับมาอยู่ในความคาดหวังของตลาดอีกครั้ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ก.พ. 67)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย