นายปีเตอร์ อัคเทอร์สตราต กรรมาธิการด้านผลิตภาพประจำรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียเตือนว่า ราคาบ้านที่อยู่ในระดับสูงมาก ได้ส่งผลให้ครอบครัวคนวัยหนุ่มสาวจำนวนมากย้ายออกจากเมืองไป และหากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินอยู่ต่อไป ซิดนีย์ก็จะกลายเป็นเมืองที่ “ไม่มีลูกหลาน” ซึ่งหมายถึงเมืองที่มีที่อยู่อาศัยแพงมากจนทำให้การเลี้ยงดูบุตรเป็นเรื่องยากจนขาดแคลนครอบครัววัยหนุ่มสาวหรือเด็ก ๆ จนกลายเป็นสังคมสูงอายุ
ในคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ในวันอังคาร (13 ก.พ.) ควบคู่กับรายงานฉบับล่าสุดของกรรมาธิการด้านผลิตภาพ นายอัคเทอร์สตราตกล่าวว่า ในช่วงระหว่างปี 2559-2564 ประชากรในช่วงอายุ 30-40 ปีได้ย้ายออกจากซิดนีย์มากเป็นสองเท่าของจำนวนประชากรในช่วงวัยเดียวที่ย้ายเข้ามา ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเพิ่มจำนวนที่อยู่อาศัยในเมือง
“ครอบครัวคนหนุ่มสาวจำนวนมากออกจากซิดนีย์ไป เพราะพวกไม่มีเงินมากพอที่จะสู้ราคาบ้านได้ไหว หรือสามารถซื้อบ้านได้เพียงแค่หลังเดียวในเขตชานเมืองรอบนอกซึ่งต้องเดินทางไกล” นายอัคเทอร์สตราตกล่าวในระหว่างที่เขาแนะนำรายงานในหัวข้อ “สิ่งที่เราได้รับจากการสร้างบ้านเพิ่มขึ้น ในสถานที่ที่เหมาะสม” (What we gain by building more homes in the right places)
“หากเราไม่ดำเนินการแก้ไขแล้วล่ะก็ ซิดนีย์อาจกลายเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองที่ไม่มีลูกหลาน” นายอัคเตอร์สตราตกล่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีราคาที่อยู่อาศัยแพงที่สุดในโลก ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกันตั้งแต่การเติบโตที่แข็งแกร่งของจำนวนประชากร การจำกัดการก่อสร้าง และแนวโน้มการมีครอบครัวขนาดเล็ก ส่งผลให้ที่อยู่อาศัยขาดแคลนอย่างมาก และไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ปัญหานี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นในซิดนีย์ ซึ่งประชากรในพื้นที่ต่อต้านการก่อสร้างอะพาร์ตเมนต์ที่สูงหลายชั้น โดยการต่อต้านนี้มีขึ้นในช่วงที่จำนวนผู้โยกย้ายถิ่นฐานเข้ามาออสเตรเลียกำลังฟื้นตัว โดยคาดว่าจะมีผู้อพยพเข้ามาในออสเตรเลียมากกว่า 1 ล้านคนในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งผู้อพยพส่วนใหญ่มักตั้งถิ่นฐานกระจุกรวมกันในเมืองใหญ่ต่าง ๆ เช่น ซิดนีย์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.พ. 67)
Tags: ซิดนีย์, ประชากร, ราคาอสังหาริมทรัพย์, ออสเตรเลีย