นายบิล วินเทอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านตลาดเกิดใหม่ของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (สแตนชาร์ต) เปิดเผยว่า จีนกำลังเผชิญกับภาวะขาดความเชื่อมั่น เนื่องจากผลกระทบของการที่เศรษฐกิจจีนเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่และความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่มีแนวโน้มบรรเทาลงในขณะนี้
นายวินเทอร์สเปิดเผยกับผู้ดำเนินรายการของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีบนเวทีประชุม “World Governments Summit” ซึ่งจัดขึ้นที่นครดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เมื่อวานนี้ (12 ก.พ.) ว่า “สำหรับผมแล้ว ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของจีนคือภาวะขาดความเชื่อมั่น โดยนักลงทุนต่างประเทศขาดความเชื่อมั่นในจีนและนักลงทุนภายในประเทศของจีนเองก็ขาดความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง”
“อย่างไรก็ดี ผมคิดว่าจีนจะสามารถก้าวข้ามการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่นี้ไปได้ จากระบบเศรษฐกิจแบบเดิมไปเป็นระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ และผมคาดหวังว่า ผมจะมีโอกาสได้เห็นเศรษฐกิจแบบใหม่ของจีนซึ่งมีความเฟื่องฟู เศรษฐกิจที่เติบโตด้วยเลขสองหลัก ทุกสิ่งมีความเกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า และภาวะการเงินในทุก ๆ ด้านมีความยั่งยืน” นายวินเทอร์สกล่าว
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาเศรษฐกิจจีนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการชะลอตัวของตลาดหุ้น ปัญหาด้านเงินฝืด และวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนได้ส่งผลบดบังแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในเดือนธ.ค. 2566 ระบุว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ในจีนมีแนวโน้มทรุดตัวลงราว 50% ในช่วง 10 ปีข้างหน้า
นางคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการของ IMF ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของซีเอ็นบีซีที่เมืองดูไบเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (11 ก.พ.) โดยย้ำว่าจีนมีความจำเป็นต้องปฏิรูปเพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
นางกอร์เกียวาเปิดเผยว่า IMF ได้หารือกับทางการจีน พร้อมกับให้คำแนะนำว่า จีนจำเป็นต้องเร่งแก้ไขปัญหาโครงสร้างในระยะยาว โดยหากไม่มีการปฏิรูปโครงสร้างในระดับลึก การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอาจลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 4% ซึ่งจะส่งผลให้จีนเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.พ. 67)
Tags: จีน, ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด, สแตนชาร์ต, เศรษฐกิจจีน