เมอส์ก (Maersk) บริษัทขนส่งสินค้าทางเรือรายใหญ่สัญชาติเดนมาร์ก ส่งสัญญาณถึง “ความไม่แน่นอนอย่างมาก” ในรายงานแนวโน้มผลกำไรปี 2567 เนื่องจากวิกฤตในทะเลแดงยังคงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการเดินเรือ นอกจากนี้ บริษัทยังพับแผนซื้อหุ้นคืนอันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนดังกล่าว
เมอส์กคาดการณ์ว่า กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในปี 2567 จะอยู่ที่ราว 1-6 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ 9.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2566
นายวินเซนต์ เคลิร์ก ซีอีโอของเมอส์ก ให้สัมภาษณ์กับรายการ “Squawk Box Europe” ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า “ผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะส่งผลอย่างไรต่อผลกำไรตลอดทั้งปี” และเสริมว่า “เราแทบมองไม่ออกเลยว่าสถานการณ์นี้จะคลี่คลายภายในกี่สัปดาห์ กี่เดือน หรืออาจจะอยู่ไปตลอดทั้งปีเลยก็ได้”
เมอส์กระบุในแถลงการณ์ว่า ฝ่ายบริหารได้ตัดสินใจ “ระงับแผนซื้อหุ้นคืนในทันที” โดยจะกลับมาทบทวนอีกครั้งเมื่อสภาพตลาดการขนส่งทางทะเลกลับสู่ภาวะปกติ
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ห่วงโซ่อุปทานโลกเผชิญกับการหยุดชะงักครั้งรุนแรงนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 เนื่องจากบรรดาบริษัทขนส่งขนาดใหญ่เริ่มหลีกเลี่ยงเส้นทางทะเลแดง หลังเกิดเหตุโจมตีเรือพาณิชย์อย่างต่อเนื่องโดยฝีมือของกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมน
ทั้งนี้ กลุ่มกบฎฮูตีซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน มุ่งเป้าโจมตีเรือพาณิชย์ด้วยโดรนและขีปนาวุธ เพื่อแสดงออกถึงการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในการสู้รบกับอิสราเอลในฉนวนกาซา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.พ. 67)
Tags: ซื้อหุ้นคืน, ทะเลแดง, เมอส์ก