“ไบเดน” ถูกกดดันให้เผชิญหน้าอิหร่าน หลังกลุ่มติดอาวุธโจมตีฐานทัพ-คร่าชีวิตทหาร 3 ราย

ภาพ : รอยเตอร์

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กำลังถูกกดดันให้ต้องเผชิญหน้ากับอิหร่าน หลังกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนโดยอิหร่านยิงโดรนโจมตีฐานทัพของสหรัฐในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของจอร์แดน ใกล้กับชายแดนซีเรีย ส่งผลให้ทหารสหรัฐเสียชีวิต 3 รายและได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 34 ราย โดยปธน.ไบเดนเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน และประกาศว่าจะใช้ปฏิบัติการตอบโต้ในเรื่องนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้วิกฤตการณ์ในตะวันออกกลางลุกลามเป็นวงกว้าง

ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่กองกำลังทหารสหรัฐถูกโจมตีจนเสียชีวิต และอาจส่งผลให้สหรัฐใช้ปฏิบัติการตอบโต้อิหร่าน ซึ่งจะยิ่งเติมเชื้อไฟในตะวันออกกลางให้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วย

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เหตุการณ์โจมตีฐานทัพสหรัฐจนทำให้ทหารสหรัฐเสียชีวิตนั้น สะท้อนให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะใช้ปฏิบัติทางทหารตอบโต้ในระดับที่รุนแรงกว่าในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหม่ในตะวันออกกลาง

แหล่งข่าวระบุว่า ความเป็นไปได้ประการหนึ่งนั้นคือ สหรัฐอาจจะปฎิบัติการโจมตีอิหร่านอย่างลับ ๆ โดยไม่อ้างความรับผิดชอบ แต่เพียงเพื่อส่งสัญญาณเตือนไปยังอิหร่าน นอกจากนี้ คาดว่าคณะบริหารของปธน.ไบเดนอาจมุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่อิหร่านโดยตรง เช่นเดียวกับที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐสั่งสังหารนายพลกาเซม โซเลมานี ในกรุงแบกแดด เมื่อปี 2563

ทั้งนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร การโจมตีกลับจะเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในวาระการดำรงตำแหน่งของปธน.ไบเดน เพื่อต้องการลงโทษผู้ก่อเหตุโจมตีและขัดขวางไม่ให้อิหร่านก่อเหตุในภูมิภาคนี้ แต่การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้สหรัฐเผชิญหน้าโดยตรงกับผู้นำอิหร่าน โดยอิหร่านมีท่าทีฮึกเหิมมากขึ้นนับตั้งแต่กลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีในหลายพื้นที่ ซึ่งรวมถึงในอิรักและปากีสถาน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ม.ค. 67)

Tags: , , , , , ,
Back to Top