นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบในหลักการข้อเสนอการปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร (Permanent resident permit) และแนวทางการปรับปรุงมาตรการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (Smart Visa) เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุน ผู้บริหาร และผู้ประกอบการวิสาหกิจ ตามข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
ในส่วนของแนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร มีแนวทางการดำเนินการที่สำคัญ คือการพิจารณาเพิ่มประเภทคำขอเพื่อเข้ามาลงทุนซื้ออาคารชุดและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ตามมูลค่าที่กำหนด โดยห้ามจำนอง จำหน่าย โอน ภายในระยะเวลา 5 ปี รวมทั้งยกเว้นหลักเกณฑ์การกำหนดระยะเวลาการพำนักในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 3 ปีก่อนยื่นคำขอ
ขณะที่แนวทางการปรับปรุงเกณฑ์ของมาตรการ Smart Visa มีแนวทางการดำเนินการที่สำคัญ คือ (1) ปรับปรุงขอบเขตของกิจกรรมและอุตสาหกรรมเป้าหมายให้กว้างขึ้น โดยให้รวมถึงการพัฒนา Startup Ecosystem และนวัตกรรม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในสาขาอื่นนอกเหนือจากด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2) เพิ่มเติมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญอิสระที่ไม่มีสัญญาจ้างงานในประเทศ (3) ผ่อนคลายหลักเกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำสำหรับผู้เชี่ยวชาญทักษะสูงบางกลุ่ม และการผ่อนปรนหลักเกณฑ์เกี่ยวกับประสบการณ์การทำงานและวุฒิการศึกษาของผู้บริหารระดับสูง และ (4) อนุญาตให้ผู้ถือ Smart Visa ทำงานนอกเหนือจากที่ได้รับการรับรองได้ในบางกรณี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 63)
Tags: Smart Visa, กองทุนอสังหาริมทรัพย์, ศบศ., ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ, ส่งเสริมการลงทุน, อนุชา บูรพชัยศรี, อสังหาริมทรัพย์