น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.เตรียมเรียกธนาคารพาณิชย์เข้ามาหารือ หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง มีความเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สูงเกินไป ประกอบกับธนาคารพาณิชย์มีกำไรมาก ท่ามกลางความเดือดร้อนของประชาชน
“ที่ผ่านมา ได้คุยอยู่ตลอดเวลา ต้องคุยมากยิ่งขึ้น เพื่อดูแลลูกหนี้ให้มากกว่านี้ ต้องทำให้ธนาคารทำมากกว่านี้ เช่น ดูแลคนกลุ่มเปราะบาง หรือคนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเงินกู้เป็นคนละกลุ่มกับเงินฝาก” น.ส.สุวรรณี ระบุ
ส่วนเรื่องกำไรของธนาคารพาณิชย์นั้น มองว่าเป็นกลไกตลาด โดยที่ผ่านมา การส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปสู่ธนาคารพาณิชย์ยังมีน้อย โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ แต่ปัจจุบัน หลายธนาคารเริ่มขยับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมากขึ้น ทั้งเงินฝากประจำและเงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัล
โดยส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของระบบธนาคารพาณิชย์ ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) อยู่ที่ 2.95% สูงขึ้นจากช่วงก่อนโควิด แต่ยังไม่ได้สะท้อนค่าใช้จ่ายอีกหลายรายการในการประกอบธุรกิจ ดังนั้น ทำให้ ธปท.จะต้องเข้าไปดูถึงประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งดูว่าจะสามารถปรับลดส่วนต่างตรงนี้ได้หรือไม่
“ธปท. สนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์คิดดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกค้า ซึ่งส่วนนี้ ลูกค้าสามารถเปิดเผยข้อมูล เพื่อประกอบการพิจารณาสินเชื่อได้ รวมทั้งจะเร่งสร้างการแข่งขันให้มากขึ้น” น.ส.สุวรรณี ระบุ
เชื่อปัญหาหุ้นกู้ไม่กระทบตลาดภาพรวม ชี้เป็นเรื่องเฉพาะราย
ด้านนายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธปท. กล่าวถึงปัญหาความเสี่ยงการผิดนัดชำระคืนหุ้นกู้นั้นมองว่าเป็นปัญหาเฉพาะราย เฉพาะบริษัท มั่นใจไม่ขยายวงไปในระบบตลาดการเงิน อีกทั้งเชื่อว่าผลกระทบหุ้นกู้กลุ่มเสี่ยงต่อกองทุนรวมมีน้อยมาก โดยยืนยันว่า ตลาดทุน และตราสารหนี้เอกชน ยังทำงานได้ปกติ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ม.ค. 67)
Tags: ธนาคารแห่งประเทศไทย, ธปท., สุวรรณี เจษฎาศักดิ์, อัตราดอกเบี้ย, เศรษฐา ทวีสิน