นายพงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส (PPS) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตั้งไตรมาส 3 เป็นต้นไป เนื่องจากโครงการภาครัฐและเอกชน เริ่มทยอยลงทุนในโครงการต่าง ๆ มากขึ้น อีกทั้งบริษัทสามารถรักษาฐานลูกค้าในกลุ่มที่มีกิจการแข็งแรงและมีงานอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการที่ดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2563 แบ่งเป็นงานภาครัฐ อาทิ โครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 งานศูนย์ราชการแห่งใหม่ โครงการจากกรมโยธาธิการ งานภาคเอกชน อาทิ โครงการ Block H Emsphere และโครงการค้าปลีก
นอกจากนี้ บริษัทมุ่งเน้นที่จะเสนองานภาครัฐเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาครัฐมีแผนเร่งผลักดันโครงการตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงรอยื่นประมูลงานภาคเอกชนเพิ่มเติมในกลุ่มค้าปลีก ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 609 ล้านบาท โดยบริษัทมีสัดส่วนงานภาครัฐอยู่ที่ 44% ภาคเอกชนอยู่ที่ 56%
“ธุรกิจของบริษัทผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกโครงการขนาดใหญ่บางโครงการได้รับผลกระทบจากการปรับแผนงานและต้นทุนโครงการ ซึ่งส่งผลต่อการรับรู้รายได้บางส่วน รวมถึงบริษัทมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น และมีผลขาดทุนจากตราสารทางการเงิน อย่างไรก็ตาม ฐานะการเงินของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ดี และมีกระแสเงินสดเพียงพอในการดำเนินงาน โดยตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 เป็นต้นไป โครงการต่าง ๆ เริ่มกลับมาดำเนินงานตามแผนก่อสร้างแล้ว แต่ยังถือเป็นช่วงเริ่มแรกของโครงการ ทำให้การเติบโตของรายได้จึงยังไม่สูงมากนัก ซึ่งบริษัทคาดว่าจะรับรู้รายได้ตามปกติได้ในปี 64”
นายพงศ์ธร กล่าว
สำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ยามู ในจ.ภูเก็ต คาดว่าจะดำเนินการขายได้ตามแผน และบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้จากการก่อสร้างบ้านภายในปี 63 เนื่องจากพื้นที่ของโครงการเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการของนักลงทุนสูง ประกอบกับประเทศไทยเป็นประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่กระจายของโรคระบาดได้ดี ทำให้นักลงทุนต่างชาติน่าจะให้ความสนใจที่จะซื้อสินทรัพย์ในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะสินทรัพย์ประเภท Hi-end
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 63)
Tags: PPS, พงศ์ธร ธาราไชย, อสังหาริมทรัพย์, โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส