โบรกฯผวาเลิก Program Trading ทำต่างชาติ-กองทุนเผ่นรอเจ๊งแน่ จี้เคลียร์ให้ชัด Naked short

แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ เตือนภาครัฐคิดให้รอบคอบยกเลิก Program Trading ห่วงเกิดผลกระทบวงกว้าง เพราะการใช้ Program Trading เป็นเรื่องปกติในการซื้อขายหุ้นที่หลายประเทศใช้ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนต่างชาติใช้ Program Trading เป็นหลักในการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น รวมถึงกองทุนต่างๆ ก็ใช้ Program Trading เช่นกัน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและเพื่อให้ทันต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุน

ดังนั้น หากยกเลิก Program Trading จะกระทบวอลุ่มซื้อขายหุ้น และกระทบต่อรายได้ของโบรกเกอร์อย่างแน่นอน เพราะกลุ่มลูกค้าที่ใช้ Program Trading เป็นกลุ่มลูกค้าต่างชาติและกองทุนเป็นส่วนใหญ่ที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน หากขาดกลุ่มนี้ไปตลาดหุ้นไทยจะมีวอลุ่มลดลงไปอีกมาก จากปัจจุบันก็น้อยอยู่แล้ว และกระทบต่อรายได้ของโบรกเกอร์หายไปอีกมาก จึงอยากให้คิดถึงโบรกเกอร์ด้วยว่าทำธุรกิจต่อไปได้อย่างไร เพราะปกติการแข่งขันก็สูงอยู่แล้ว และค่าคอมมิชชั่นการซื้อขายหุ้นก็ต่ำมาก

แต่หากเป็นการปรับปรุงกฎเกณฑ์การใช้ Program Trading ให้เหมาะสมก็เห็นด้วย เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันกับนักลงทุนทั่วไปที่ซื้อขายปกติ ซึ่งจะต้องรอการหาหารือแนวทางที่เหมาะสมร่วมกันของทุกฝ่าย แต่หากต้องการยกเลิก Program Trading จริงๆ ก็จะต้องมีแนวทางในการอำนวยความสะดวกในการลงทุนของกลุ่มนักลงทุนที่เคยใช้ Program Trading อยู่ เพื่อมารองรับให้มีความเหมาะสม และให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกเทียบเท่ากัน

“ต้องมองว่าทำอย่างไรให้เกิดความสมดุลในการใช้เครื่องมือต่างๆในตลาด หากจะยกเลิก Program Trading ก็คงกระทบวอลุ่มตลาด และธุรกิจโบรกเกอร์ด้วย”

แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า สิ่งที่ทำตลาดหุ้นไทยไม่ดีในปีนี้เห็นว่าน่าจะมาจากความเชื่อมั่นที่หายไปมากกว่า โดยเฉพาะการผิดนัดชำระหุ้นกู้ และความไม่มั่นใจว่าเกิด Naked short sell หรือไม่ ซึ่งกรณีของ Naked short sell ถือเป็นเรื่องสำคัญที่นห่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้ผลกระทบบานปลาย เพราะขณะนี้ก็ยังคงเกิดข้อสงสัยว่ามีการทำ Naked short sell ในตลาดหุ้นไทยจริงหรือไม่

“Naked short sell ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องเร่งตรวจสอบ เพราะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายทั่วโลก ตรงนี้มองว่าควรมีระบบการตรวจสอบที่รวดเร็วเข้ามา เพื่อไม่ให้ผลกระทบบานปลาย ซึ่งมาตรการหรือกฎเกณฑ์ต่างๆที่จะออกมาจะต้องทำให้เกิดความสมดุล และเป็นไปตามกลไกของตลาด” แหล่งข่าว กล่าว

แหล่งข่าวยังยกตัวอย่างกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้น คือ ผู้บริหาร บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ออกมาเปิดเผยว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ฝากหุ้นไว้กับคัสโตเดียน แต่พบหุ้นหายไป และก็ไม่รู้ว่าใครเอาหุ้นไปทำอะไรหรือไม่ จับก็ไม่ได้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็บอกว่าไม่พบการทำ Naked Short เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะมีผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้ากับโบรกเกอร์ ภาพลักษ์ของวงการโบรกเกอร์ก็เสียไปด้วย จึงควรจะนำระบบเข้ามาตรวจสอบการทำ Naked short sell อย่างละเอียดเป็นกรณีเร่งด่วน

แหล่งข่าว กล่าวว่า นอกจากปัจจัยเรื่องความเชื่อมั่นแล้ว ตลาดหุ้นไทยยังเจอปัจจัยอื่นกดดันอยู่อีก ทั้งพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ยังเติบโตต่ำกว่าระดับศักยภาพ การกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนต่างๆ ยังไม่เกิดขึ้นอย่งที่คาดไว้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรบริษัทจดทะเบียน อีกทั้งกระสุนที่มาจากเม็ดเงินระยะยาวจากกองทุน LTF และ RMF ก็ไม่ได้มีมากเหมือนสมัยก่อน นักลงทุนก็เริ่มมีเงินมาลงทุนลดลง เพราะมีภาระค่าใช้จ่ายสูงขึ้น

รวมถึงขณะนี้นักลงทุนได้ขายหุ้นหรือสินทรัพย์ที่ลงทุนไว้ออกมาเพื่อถือเงินสด หรือนำไปใช้ส่วนตัวมากขึ้นในช่วงนี้ ทำให้ตลาดหุ้นไทยไม่สดใสในปีนี้ สวนทางกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ฟื้นตัวได้ดี ต่างจากปีก่อนที่ตลาดหุ้นไทยดีขึ้นสวนทางต่างประเทศเข่นกัน ปีนี้สลับกัน อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวังว่าในปี 67 ทิศทางตลาดหุ้นไทยจะกลับมาดีขึ้นได้บ้าง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ธ.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top