บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยเดือน ธ.ค.66 ส่งท้ายปีมีโอกาส Sideway Up จากแรงหนุนของเม็ดเงินของกองทุน TESG และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐไตรมาส 4/66 มีโอกาสชะลอตัว ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เบรกปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค.66 จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,360-1,430 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้น 3 กลุ่มเด่น คือ หุ้น ESG สูงใน SET50, หุ้นรับประโยชน์ Easy e-Receipt และ หุ้นเด่นจากปัจจัยเฉพาะตัวเดือนนี้
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของเดือนนี้ว่า มีโอกาสปรับตัวขึ้น Sideway Up จากแรงหนุนเม็ดเงินของกองทุน TESG และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 4/66 มีโอกาสชะลอตัวแรงจากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าเฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค. 2566 และให้น้ำหนัก 65% ที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค.67
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ราคาน้ำมันปรับตัวลงแรงกว่า 10% จากสัปดาห์ก่อนหลุดระดับ 69 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลอุปสงค์ชะลอตัวจากเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวในภาวะอุปทานล้นตลาดจากการที่นักลงทุนไม่เชื่อมั่นว่ากลุ่มโอเปกพลัสว่าจะลดกำลังการผลิตตามที่ตกลงกันไว้ จึงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานในช่วงนี้
ส่วนทาง ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยถึงการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 103,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 128,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 106,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,360-1,430 จุด
ปัจจัยที่ส่งผลกับตลาดหุ้นไทย อาทิ วันนี้ 13 ธ.ค. รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับย่อ สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ สัปดาห์ที่ 4 กระทรวงพาณิชย์แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม วันที่ 12-13 ธ.ค. กำหนดการประชุมเฟด คาดคงดอกเบี้ย 5.25-5.50% 13 ธ.ค. สหรัฐรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. วันที่ 14 ธ.ค. กำหนดการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) (คาดคงอัตราดอกเบี้ย)
กลยุทธ์การลงทุนแนะหุ้นที่มี ESG สูงใน SET50 ได้แก่ ADVANC, CPALL, CPF, CRC, OR, PTTEP และTOP พร้อมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย Easy E-Receipt ได้แก่ BJC, CPALL, CPAXT, CRC, CPN, COM7, SPVI, CPW, JMART, HMPRO, DOHOME, GLOBAL, ZEN, M, AU, TNP และ KK
ส่วนหุ้นเด่นประจำเดือนธันวาคม 2566 ได้แก่
GPSC (Bloomberg Consensus 59 บาท) โดยคาดผลประกอบการ 4Q66 ยังถูกกดดันจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีที่ลดลงจากผ่านช่วง High Season และไม่มีเงินปันผลจาก RPC อย่างไรก็ตามมี Upside จากราคาเหมาะสม 37% จึงแนะนำ ซื้อ และคาดว่าค่าไฟฟ้ามีโอกาสปรับขึ้นใน 1Q67 ตามราคาเชื้อเพลิง และ GPSC อยู่ใน SETESG
TU (Bloomberg Consensus 17.30 บาท) เนื่องจากมีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัท โดยคาดว่าผลประกอบการใน 4Q66 จะฟื้นตัวต่อเนื่องไปจนถึงปี 67 ตามแนวโน้มวัตถุดิบทูน่าที่อ่อนตัวลง ประกอบกับธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งเข้าสู่ช่วง High Season
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ธ.ค. 66)
Tags: GBS, TESG, กองทุน, ธนาคารกลางสหรัฐ, บล.โกลเบล็ก, วิลาสินี บุญมาสูงทรง, หุ้นไทย, อัตราดอกเบี้ย, เฟด