กระทรวงการคลังอิสราเอลคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอิสราเอลจะขยายตัวเพียง 2% ในปี 2566 ซึ่งชะลอตัวลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 2.7% เนื่องจากผลกระทบของการทำสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
ส่วนในปี 2567 กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอิสราเอลจะขยายตัว 1.6% ซึ่งเป็นการคาดการณ์ภายใต้สมมติฐานที่ว่าสงครามอาจจะยืดเยื้อไปจนถึงปี 2567 แต่คาดว่าสถานการณ์สู้รบอันดุเดือดจะยุติลงในช่วงไตรมาส 1/2567 และคาดว่ากองทัพอิสราเอลจะสามารถควบคุมพื้นที่ชายแดนตอนใต้ที่ติดกับฉนวนกาซาได้เป็นส่วนใหญ่
กระทรวงการคลังอิสราเอลระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่จะฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจนั้น มาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ถดถอยลง ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเอกชนชะลอการใช้จ่ายลงด้วย โดยการใช้จ่ายภาคเอกชนถือเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ การสู้รบระหว่างอิสราเอลและฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์ เปิดฉากขึ้นหลังจากที่กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ส่งผลให้กองทัพอิสราเอลตอบโต้ด้วยการถล่มฉนวนกาซาทางอากาศและรุกคืบสู่การโจมตีทางภาคพื้นดิน
อย่างไรก็ดี รายงานล่าสุดระบุว่า อิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้บรรลุข้อตกลงพักรบชั่วคราว โดยกลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 50 คนที่เป็นเด็กและผู้หญิง เพื่อแลกกับการที่อิสราเอลปล่อยนักโทษชาวปาเลสไตน์ซึ่งเป็นเด็กและผู้หญิงเช่นกันจำนวน 150 คน และอิสราเอลจะพักการสู้รบเป็นเวลา 4 วัน
เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอิสราเอลลงสู่ “เชิงลบ” จาก “มีเสถียรภาพ” และคงอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอลไว้ที่ระดับ AA- พร้อมกับคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอิสราเอลจะหดตัวลง 5% ในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยระบุว่า ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ย. 66)
Tags: สงคราม, อิสราเอล, เศรษฐกิจอิสราเอล