ATP30 เล็งขยายพอร์ตรถไฟฟ้าเพิ่ม พร้อมลดสัดส่วนใช้ดีเซล เดินหน้าลดคาร์บอน

นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอทีพี 30 (ATP30) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพการเดินรถ พร้อมวางแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เตรียมความพร้อมขอรับใบรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. (TGO) ต้นปี 67 ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นเอกสารตรวจสอบ

เพื่อให้บรรลุผลตามเป้าหมายดังกล่าว บริษัทได้พัฒนาปรับปรุงการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยี Robotic Process Automation (RPA) หุ่นยนต์ที่จะช่วยควบคุมติดตามการเดินรถ จัดการเส้นทางการเดินรถให้เกิดความคุ้มค่า ตรวจเช็คและซ่อมบำรุงรักษาสภาพรถให้อยู่ในมาตรฐาน เพื่อควบคุมการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำที่สุด

นอกจากนี้บริษัทวางแผนเพิ่มโอกาสการขยายฐานลูกค้า ด้วยการให้บริการที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ เตรียมขยายสัดส่วนของรถไฟฟ้า (EV) มากขึ้น ซึ่งจากที่บริษัทให้บริการรถไฟฟ้าจำนวน 5 คัน ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา พบว่าการให้บริการด้วยรถไฟฟ้าสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 65% เมื่อเปรียบเทียบกับรถเครื่องยนต์สันดาป

อีกทั้งบริษัทมีการติดตั้งสถานีชาร์จไฟ แผงโซล่าเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ ที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ในการเดินรถไฟฟ้าได้ประมาณ 30% และคาดว่าจะสามารถขยายกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น ให้สอดรับกับปริมาณรถไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต ปัจจุบันมีรถไฟฟ้าจำนวน 6 คัน อยู่ระหว่างสั่งซื้อเพิ่มอีก 5-6 คัน และตั้งเป้าเพิ่มรถไฟฟ้า 20 คันในปีหน้า

โดยการขยายฐานลูกค้าดังกล่าว มีปัจจัยสนับสนุนจากที่ประชุมสมาชิกรัฐสภายุโรป (MEPs) บรรลุข้อตกลงมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 66 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ลูกค้าภาคอุตสาหกรรมการผลิต และการส่งออก ตระหนักถึงการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น

ขณะที่รถโดยสารที่ยังใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนหลัก บริษัททยอยปรับสัดส่วนลดการใช้น้ำมันดีเซล/เบนซิน โดยทำบันทึกข้อตกลงกับบมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ใช้บริการบัตรเติมน้ำมัน (OR Fleet Card) ในโครงการรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก เพื่อการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ ทดแทนน้ำมันดีเซล/เบนซินชนิดพื้นฐาน และจะแบ่งผลประโยชน์คาร์บอนเครดิต 50% หลังจากได้รับการรับรองคาร์บอนเครดิตกับโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER)

นอกจากนี้บริษัทยังเข้าร่วมเป็น สมาชิกเครือข่ายอมตะคาร์บอนนิวทรัล (Amata Carbon Neutral Network) เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและสนับสนุนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 พ.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top