นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์ หลังวานนี้ร่วงแรง โดยยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน ซึ่งบอนด์ยีลด์สหรัฐยังขยับตัวขึ้น และนักลงทุนจับตาถ้อยแถลงประธานเฟดคืนนี้ รวมถึงแผนการขยายพันธบัตรของ US Treasury Department และงบไตรมาส 3/66 ของบริษัทจดทะเบียนไทย ให้แนวรับไว้ที่ 1,365-1,370 จุด และแนวต้าน 1,390-1,400 จุด
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์ออกข้าง หลังเมื่อวานนี้ปรับตัวลงแรง เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปี ยังขยับตัวขึ้น และ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ หลังการประชุมนโยบายการเงิน อีกทั้งจับตา US Treasury Department เปิดเผยแผนการขยาย พันธบัตร ส่วนในประเทศยังต้องรอดูการเปิดเผย ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/66 ของบริษัทจดทะเบียน
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้หลายประเทศรีบาวด์ได้ และบางประเทศแกว่งไซด์เวย์ เช่น สิงคโปร์
ให้แนวรับไว้ที่ 1,365-1,370 จุด และแนวต้าน 1,390-1,400 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (31 ต.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,052.87 จุด เพิ่มขึ้น 123.91 จุด หรือ +0.38%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,193.80 จุด เพิ่มขึ้น 26.98 จุด หรือ +0.65% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,851.24 จุด เพิ่มขึ้น 61.76 จุด หรือ +0.48%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 31,311.22 จุด เพิ่มขึ้น 452.37 จุด หรือ +1.47% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,139.40 จุด เพิ่มขึ้น 26.92 จุด หรือ +0.16% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,038.18 จุด เพิ่มขึ้น 19.41 จุด หรือ +0.645%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 ต.ค.66) 1,381.83 จุด ลดลง 14.02 จุด (-1.00%) มูลค่าซื้อขาย 37,497.85 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,356.05 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ต.ค.66
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.(31 ต.ค.) ลดลง 1.29 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 81.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 ต.ค.) อยู่ที่ 2.79 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 36.17 อ่อนค่า หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ-บอนด์ยีลด์หนุนดอลลาร์แข็งค่า
– ธปท. ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจไทย เดือนต.ค. และระยะต่อไป ยังขยายตัวต่อได้ จากบริโภคในประเทศ-ท่องเที่ยวหนุน จับตา “4 ปัจจัยเสี่ยง” การฟื้นตัวภาคส่งออก ความชัดเจนนโยบายรัฐ ภัยแล้งกระทบราคาสินค้าเกษตร ผลสงครามตะวันออกกลาง ต่อราคาพลังงาน อุปสงค์ต่างประเทศ ชี้ไตรมาส 3 บริโภค-ลงทุนยังชะลอ
– เงินดิจิทัล 10,000 บาทเลื่อนแจกยาว ส่อต้องเริ่มปลายปีงบประมาณ 2567 “ที่ปรึกษานายกฯ” ส่งสัญญาณรอจัดสรรงบฯรายจ่ายควบ 2 ปี “2567-2568” ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง แทนตั้ง “งบฯ ผูกพัน” 4 ปี ที่อาจผิด พ.ร.บ.เงินตรา คาดแจกผ่านแอป “เป๋าตัง” เสี่ยงน้อยสุด ขณะที่ “นายกฯ เศรษฐา” เลี่ยงตอบคำถาม
– ครม.มีมติให้ น้ำตาลทราย กลับมาเป็นสินค้าควบคุม อาศัยอำนาจคณะกรรมการกลางราคาสินค้ากระทรวงพาณิชย์ ลดราคาขายปลีกน้ำตาลทรายเหลือ กก.ละ 24-25 บาท แถมคุมไปถึงราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงาน โรงงานน้ำตาลวิจารณ์แซด ล้มระบบลอยตัวราคาน้ำตาลยุคประยุทธ์ กลุ่มชาวไร่อ้อยเคลื่อนไหวหนัก หากอ้อยขั้นต้นต่ำกว่า 200 บาท/ตัน หวั่นขัดกติกา WTO
– สนค. เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือน ก.ย.66 ที่ขยายตัว 0.3% เทียบเดือน ก.ย.65 ถือว่าต่ำสุดเป็นอันดับ 8 ของโลก จาก 130 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลข ส่วนประเทศที่มีเงินเฟ้อต่ำสุดอันดับ 1-7 ของโลก ได้แก่ บูร์กินาฟาโซ ติดลบ 2.6% ตามด้วยเซเชลส์ ติดลบ 2.47%, คอสตาริกา ติดลบ 2.24%, นิวแคลิโดเนีย ติดลบ 0.2%, จีน ทรงตัวที่ 0.0%, อาร์เมเนีย เพิ่ม 0.1% และเนเธอร์แลนด์ เพิ่ม 0.2% ขณะที่ประเทศที่มีเงินเฟ้อสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เวเนซุเอลา เพิ่ม 318.0%, เลบานอน เพิ่ม 208.0%, อาร์เจนตินา เพิ่ม 138.0%, ตุรกี เพิ่ม 61.53% และอิหร่าน เพิ่ม 39.5%
– สถานการณ์ที่ “นักลงทุน” เลือกที่จะไม่เชื่อมั่นใน “พื้นฐานธุรกิจ” แต่เลือกที่จะเชื่อในภาพใหญ่ของบรรยากาศลงทุนของตลาด ! ซึ่งปัจจุบันสารพัดปัจจัยลบรุมเร้า ส่งผลกระทบเชิงลบต่อความเชื่อมั่นการลงทุนใน “หุ้นไอพีโอ” ในช่วงที่ผ่านมา ดังจะเห็นได้จากของการเปิดซื้อขายวันแรก (เทรด) ของ หุ้นไอพีโอหลายตัวราคาหุ้นทิ่มหัวลงตั้งแต่วินาทีแรกที่เปิดเทรด
หุ้นเด่นวันนี้
– บมจ. เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท ผู้จัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 1 พ.ย. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 385 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SCL”
– บมจ. ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในธุรกิจที่ให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 1 พ.ย. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,041.60 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ ว่า “ETL”
– ITC (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 23.50 บาท คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดแล้ว โดยคาดไตรมาส 4/66 จะเป็นจุดสูงสุดของปี จากการกลับมา Restocking ของลูกค้า และการได้ลูกค้า Global Brand รายใหม่ ผสานกับอัตราการทำกำไรที่คาดปรับขึ้น หลังต้นทุนวัตถุดิบลดลง ส่วนภาพปี 2567 คาดกำไรจะเติบโตเด่น +22%y-y สู่ระดับ 2,935 ล้านบาท จึงปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 23.5 บาท จาก 22 บาท
– CPN (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 79 บาท คาดกำไรปกติไตรมาส 3/2566 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 4.0 พันลบ. เพิ่มขึ้น 39% YoY และ 9% QoQ ธุรกิจหลักส่วนใหญ่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เรายังคงเชื่อว่า CPN จะสามารถทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่ในปี 2566 ที่ 14,014 ลบ. (เติบโต 30.24% YoY) จากแรงหนุนของจำนวนผู้เดินศูนย์การค้าที่เพิ่มขึ้น โรงแรมใหม่ และการโอนกรรมสิทธิ์ backlog ที่อยู่อาศัย ราคาหุ้นไม่แพง ซื้อขายบน P/E ปี 2024 ที่ 17.6x คิดเป็น -2 SD ของ PER ล่วงหน้า 12 เดือนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 พ.ย. 66)
Tags: SET, SET Index, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย