กสทช.จับมือตร. ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 5 จุดกลางกรุง กวาดล้างซิมบ๊อกซ์

พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมายและประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ, พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สำนักงาน กสทช. และ สอท. ร่วมแถลงผลการตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 5 จุด ทั่วกรุงเทพฯ สามารถตรวจยึดอุปกรณ์โทรคมนาคมผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา สอท. ได้ประสานการปฏิบัติร่วมกับ กสทช. พบข้อมูลว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้มีการย้ายฐานปฎิบัติการเข้ามาตั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวนหลายแห่ง โดยการใช้เครื่องมือวิทยุโทรคมนาคมผิดกฎหมายเพื่อโทรและส่งข้อความหลอกลวง มีประชาชนตกเป็นเหยื่อเป็นจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นจากศาล จนนำมาสู่การปฎิบัติการเข้าค้นพร้อมกัน 5 จุด โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • จุดที่ 1 พบ Simbox แบบ 32 ซิม จำนวน 2 เครื่อง พร้อมซิม 64 ซิม และ Wifi Router
  • จุดที่ 2 เครื่อง Simbox ไม่มีตราอักษร 2 เครื่อง Simcard รวม 64 ซิม
  • จุดที่ 3 เครื่อง Simbox ip-pbx 2 เครื่อง รวม 64 sim พร้อม wifi router
  • จุดที่ 4 พบ Simbox ไม่มีตราอักษรและรุ่น แบบ 32 ซิม จำนวน 2 เครื่อง รวม 64 ซิม พร้อม Wifi router
  • จุดที่ 5 พบ Simbox ไม่มีตราอักษรและรุ่น จำนวน 2 เครื่อง และ ซิมการ์ด 64 ชิม

พร้อมด้วยอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก สำหรับการทำงานของเครื่อง GSM Gateways (Simbox) ที่ตรวจยึดได้นั้นเป็นอุปกรณ์ที่คนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในการโทรศัพท์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแล้วแปลงสัญญาณเป็นสัญญาณโทรศัพท์เพื่อโทรออกไปหลอกลวงหรือข่มขู่ผู้เสียหาย โดยลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคมฯ จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ส่ง พนักงานสอบสวน สอท. และขยายผลไปถึงผู้ทำสัญญาเช่าอาคารและผู้ให้เช่าเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา สำนักงาน กสทช. ได้ร่วมมือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินหน้าปราบปรามสถานีโทรคมนาคมผิดกฎหมาย ควบคู่ไปกับการจัดระเบียบเสาสัญญาณตลอดแนวชายแดนประเทศเพื่อน สามารถจับกุมและตรวจยึดสถานีโทรคมนาคมผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานปฎิบัติการตามแนวชายแดนบางส่วนปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน โดยย้ายเข้ามาตั้งฐานในประเทศและใช้เครื่อง GSM Gateways (Simbox) ที่สามารถใส่ได้ถึง 32 ซิม

นอกจากนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังได้ปรับเปลี่ยนวิธีการโดยแต่เดิมจะเช่าบ้านแล้วตั้ง เราเตอร์เพื่อต่อกับซิมบ็อกซ์ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจจับจากจำนวนการใช้งานที่ผิดปกติ

แต่ในการเข้าตรวจค้นทั้ง 5 จุดในวันนี้ พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ แล้วใช้เราเตอร์ของอาคาร ทำให้กลืนไปกับปริมาณการใช้งานของอาคาร เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตรวจจับได้ยากขึ้น นอกจากนี้การเข้ามาตั้งซิมบ็อกซ์ในประเทศไทยทำให้หมายเลขการโทรแสดงเป็นหมายเลขภายในประเทศ เพื่อหลบเลี่ยงมาตรการขึ้นหมายเลขหน้าเบอร์โทร PreFix ของ กสทช. โดยเครื่องมือโทรคมนาคมดังกล่าว ไม่ผ่านการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานจาก สำนักงาน กสทช. แต่อย่างใด จึงเป็นความผิดฐาน “มี, ใช้ และนำเข้าเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตและใช้คลื่นความถี่โดยไม่ได้รับอนุญาต” ตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มีโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และฐาน “ประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้อนุญาต” ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ มีโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

นอกจากนี้ในประเด็นซิมผีและบัญชีม้า สำนักงาน กสทช. ได้มีมติออกประกาศให้บุคคลที่ถือครองซิม จำนวนมากๆ มายืนยันตัวตนภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อประโยชน์หากว่าซิมใดซิมหนึ่งถูกนำไปใช้ในทางมิชอบ จะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถสาวถึงผู้กระทำความผิดและผู้ร่วมขบวนการ นำตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ต.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top