นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยระบุว่า ได้สั่งการให้ติดตามสถานการณ์การส่งออกของไทย หลังจากเกิดสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งได้รับรายงานเบื้องต้นว่าการค้าไทยกับอิสราเอล ไม่มีผลกระทบ แต่ขอให้ไปดูว่าจะมีผลกระทบต่อการค้าไทยกับประเทศอื่นๆ หรือไม่ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลต่อโลก ซึ่งจะได้เตรียมมาตรการรับมือ และแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในภาพรวม
พร้อมกันนี้ ยังได้มอบหมายให้หาช่องทางในการเร่งขยายตลาด เพื่อเพิ่มยอดการส่งออก โดยมีประเทศเป้าหมาย เช่น จีน ตะวันออกกลาง โอเชียเนีย เอเชียใต้ เป็นต้น โดยขอให้ทูตพาณิชย์ของไทยในประเทศต่างๆ ศึกษาโอกาส และลู่ทางการส่งออกของไทย เน้นเมืองรองของประเทศต่างๆ รวมถึงพิจารณาจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) หรือทำหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับเมืองรองต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อเปิดประตูการค้าให้กับไทย ส่วนตนพร้อมที่จะเดินสายสร้างสัมพันธ์ และจัดคณะผู้แทนการค้าไปโรดโชว์ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับผู้ส่งออกอีกทาง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้ขอให้เข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ให้มีโอกาสส่งออก โดยการพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆ ซึ่งจะต้องวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม ว่าสามารถเติบโตหรือมีโอกาสขยายการส่งออกมากน้อยเพียงใด รวมถึงขอให้ช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออกให้กับ SMEs สินค้าชุมชน ผ่านช่องทางการส่งออกปกติ และทางออนไลน์ และเร่งขับเคลื่อน Soft Power ของไทย ทั้งงานออกแบบ อาหารไทย ภาพยนตร์ และเกม แฟชั่น หนังสือ และการท่องเที่ยว
รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการขับเคลื่อนการส่งออกในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ว่า ได้สั่งการให้ทำแผนเร่งด่วน (Quick Win) เพื่อผลักดันการส่งออก โดยได้รับรายงานว่า จะมีการดำเนินกิจกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวม 73 กิจกรรม ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้กว่า 12,400 ล้านบาท
ส่วนการจัดทำเป้าหมายการส่งออก และแผนงานขับเคลื่อนการส่งออกปี 67 นั้น จะมีการประชุมกับภาคเอกชน และทูตพาณิชย์ในเร็วๆ นี้ คาดว่าจะสรุปได้ในช่วงปลายเดือน ธ.ค.66
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ต.ค. 66)
Tags: กระทรวงพาณิชย์, กลุ่มฮามาส, ภูมิธรรม เวชยชัย, สงคราม, ส่งออก, อิสราเอล