BTS ปรับตัวขึ้น 4.05% หรือเพิ่มขึ้น 0.30 บาท มาที่ 7.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 122.67 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.32 น. จากราคาเปิด 7.45 บาท ราคาสูงสุด 7.75 บาท ราคาต่ำสุด 7.45 บาท
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังคงแนะนำ ซื้อ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) และคงราคาเป้าหมายที่ 8.5 บาท ซึ่งเป็นเวลากว่า 2 ปี แล้วที่ราคาหุ้นของ BTS ได้รับแรงกดดันจากกรณีความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์และการคาดการณ์ว่ากำไรของ VGI และรถไฟฟ้าสายสีเหลืองจะเป็นอีกแรงที่ฉุดลง
อย่างไรก็ตามเราเริ่มมองเห็นสัญญาณบวกของพัฒนาการด้านกฎเกณฑ์ที่ดีขึ้นและการเริ่มรับชำระหนี้ค่าจ้างการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) คาดว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษากรณีสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยาย (O&M) ภายในอีกสองเดือนข้างหน้า ซึ่งพัฒนาการที่ดีขึ้นของความเสี่ยงทางด้านกฎเกณฑ์นั้นจะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้นสภากทม.เห็นชอบกรณีชำระหนี้ E&M อย่างเกินความคาดหมาย
ทั้งนี้เราได้รับข้อมูลว่าสภากทม. โหวตเห็นชอบการชำระหนี้ E&M มูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท (รวมดอกเบี้ย) คืนให้กับ BTS เป็นที่เรียบร้อย สำหรับค่าจ้างการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 โดยในขั้นตอนถัดไปจะมีการทำหนังสือแจ้งกระทรวงมหาดไทยเรื่องการอนุมัติชำระหนี้ และเรายังได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่ากทม.ได้มีการร้องของบประมาณสนับสนุนในการชำระหนี้ E&M จากกระทรวงฯ ให้กับ BTS แต่หากกระทรวงฯ ไม่อนุมัติทางกทม. ก็จะพิจารณาจัดสรรงบประมาณชำระหนี้ต่อไป ซึ่งเราได้มีโอกาสสอบถามกับทางบริษัทและได้รับข้อมูลว่า จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการดำเนินกระบวนการต่างๆก่อนเริ่มชำระหนี้ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม และครบระยะเวลาในวันที่ 4 พฤศจิกายนของปีนี้
การแก้ปัญหาด้านกฎเกณฑ์จะเป็นแรงยกระดับงบดุลและกระแสเงินสด พัฒนาการเชิงบวกของ BTS และแน่นอนว่าพัฒนาการที่ดีขึ้นของกฎเกณฑ์ต่างๆ จะเป็นแรงสนับสนุนเชิงบวกต่อกระแสเงินสดและงบแสดงฐานะการเงิน (งบดุล) ของ BTS แต่ไม่ใช่กับงบกำไรขาดทุน เพราะว่า BTS มีการบันทึกรายได้ E&M อยู่ในเกณฑ์ค้างรับแต่ว่าการก่อสร้างนั้นได้แล้วเสร็จไปตั้งแต่ปี 2560 จากการคำนวณของเราหาก BTS นำเงินไปชำระหนี้ต่อจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) จะลดลงมาอยู่ที่ 1.16 เท่า จาก 1.45 เท่า (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566)
นอกเหนือจากกรณีของ E&M นั้นเรายังเชื่อว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษากรณีข้อพิพาท O&M ภายในปีนี้ อ้างอิงจากความเห็นของคณะกรรมการตุลาการเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2566 ยืนตามศาลปกครองให้กทม. และ บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัดชำระหนี้ค่าบริการเดินรถและซ่อมบำรุงจำนวน 1.17 หมื่นล้านบาทให้กับ BTS
ขณะที่เรายังมองไม่เห็นการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของกำไรในอีก 2 ไตรมาสข้างหน้า ซึ่งการความกังวลด้านกฎเกณฑ์ที่ผ่อนคลายลงจะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นราคาหุ้นได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ต.ค. 66)
Tags: BTS, บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, หุ้นไทย