นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมการจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด ที่วัดบำเพ็ญเหนือ/วัดบางเพ็งใต้ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยระบุว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังติดตามการปรับลดราคาสินค้า หลังจากที่ต้นทุนการขนส่งได้ปรับลดลงภายหลังการปรับลดราคาน้ำมันดีเซล โดยได้ทำการคำนวณต้นทุนสินค้าแต่ละรายการแล้ว แม้จะลดลงไม่ได้หมด แต่จะพยายามเอาส่วนต่าง ๆ มาลดให้ได้ โดยเฉพาะสินค้าที่อยู่ในชีวิตประจำวันของประชาชน
“ตัวไหนลดได้ จะลดทันที ตัวไหนที่ลดไม่ได้ จะพยายามตรึงราคาไว้ และมีการติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน และถ้าหากมีปัจจัยเงื่อนไขอื่นที่สามารถลดราคาได้อีก ก็จะพยายามให้ปรับลดลง โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงต้นเดือน ต.ค.66 นี้” นายภูมิธรรม กล่าว
ส่วนการเปิดจุดจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดนี้ เป็นโครงการที่กระทรวงพาณิชย์ทำคู่ขนานไป จากที่จะดูแลประชาชนในวงกว้าง ก็ทำการเปิดจุดจำหน่ายเจาะลึกไปยังแหล่งชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีจำนวน 100 จุด โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ นำสินค้าราคาประหยุดถูกกว่าท้องตลาดประมาณ 50-60% มาจำหน่ายให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่คนตัวใหญ่ต้องช่วยคนตัวเล็ก
โดยสินค้าที่นำมาลดราคา เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช หมูเนื้อแงด ไก่ นม อาหารต่าง ๆ ซองปรุงรส อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เครื่องอุปโภคบริโภค เป็นต้น และยังมีผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งช่วงนี้เป็นมังคุด และลองกอง
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปดูแลให้มีจุดจำหน่ายสินค้าได้ครอบคลุมทั้งประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ โดยร้านธงฟ้าจะผลักดันให้เข้าในโครงการ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ส่วนผู้ประกอบการรายย่อยที่กังวงเรื่องการเก็บภาษีนั้น ขออย่าเป็นกังวล เพราะไม่ใช่เป้าหมายของรัฐบาล เป้าหมายของรัฐบาล คือ จะกระตุ้นเศรษฐกิจ
“ผู้ได้ประโยชน์ คือ ทุกคนทั่วหน้า ทุกฝ่าย ทั้งพี่น้องประชาชน ซึ่งถ้าเศรษฐกิจดี ก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น การจับจ่ายใช้สอยก็จะดีขึ้น การจ้างงานต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลาง ก็จะได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจด้วย หวังว่า 6 เดือนที่ใช้เงินจำนวนนี้ จะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมให้ดีขึ้น เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน และการสร้างงาน” รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ย. 66)
