นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ชี้แจงถึงรายละเอียดของการเดินทางไปดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 21-24 ก.ย. โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 1.3 ล้านบาท และพบว่าในคณะเดินทางมี สส.ก้าวไกล ถึง 5 คน ร่วมไปด้วย ว่า การเตรียมโครงการดังกล่าว เป็นไปตามแผนงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนรัฐสภาโปร่งใสและสมรรถนะสูง ส่วนงบประมาณที่ตั้งไว้เป็นไปตามระเบียบของกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเดินทางของรองประธานสภาฯ คนที่ 1
ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าตั้งไว้สูงเกินไปนั้น เป็นเพียงการตั้งงบประมาณที่ยังไม่เกิดการใช้จ่ายจริง จึงตั้งไว้ตามสิทธิที่ระเบียบกำหนด อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นที่เปิดเผยได้ คือ ค่าตั๋วเครืองบิน จากที่ตั้งงบ ไว้ 52,000 บาท แต่จ่ายจริง 28,000 บาท ค่าโรงแรมจากที่ตั้งไว้ 12,000 บาท จองได้ 9,000 บาท ซึ่งที่เหลือจะส่งคืนคลัง ส่วนการเลี้ยงรับรองนั้น ต้องทำให้สมเกียรติกับประเทศไทย เพราะคณะที่เดินทางไปนั้นทำหน้าที่เป็นทูตของสภาฯ
“การตั้งงบรับรองที่มองว่ามากเกินไป เพราะตั้งไว้ก่อนโดยไม่ทราบโปรแกรมอย่างละเอียด แต่เมื่อทราบรายละเอียดแล้ว เช่น มื้อกลางวันสถานทูตจัดเลี้ยง จะจ่ายไม่เต็ม ส่วนงบรับรองและการดูแล เช่น นักศึกษาไทยในสิงคโปร์ จะเป็นส่วนของอาหารว่างและมื้ออาหารที่ทานร่วมกัน ซึ่งผมพร้อมจะแสดงใบเสร็จ และนอกจากการดูงานในด้านสิ่งแวดล้อม ที่รวมถึงกฎหมายที่บังคับใช้เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 แล้ว จะไปดูพิพิธภัณฑ์ด้วย เพื่อนำมาปรับใช้กับพิพิธภัณฑ์ของรัฐสภา เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ ยังชี้แจงถึงรายชื่อของคณะผู้ร่วมเดินทางที่พบว่าส่วนใหญ่เป็น สส.ของพรรคก้าวไกล ว่า เป็นผู้ที่มีความเหมาะสม และสนใจต่อการนำองค์ความรู้มาพัฒนาสภาฯ คือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกกล และนายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
โดยก่อนหน้านี้ จากที่สถานการณ์ทางการเมืองในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมามีความผันผวน ทำให้ยังไม่มีกรรมาธิการกิจการสภาฯ รวมถึงไม่มีฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลที่ชัดเจน ทำให้ในส่วนของพรรคก้าวไกลนั้น ได้พิจารณาจากบุคคลที่ลงชื่อ ซึ่งแสดงความต้องการเป็นกมธ.กิจการสภาฯ ไว้ 3 คน นอกจากนั้น ได้เชิญไปยังพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีเพียงนายรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย
“ระยะการเตรียมงานที่สั้นที่สุด คือ 1 เดือน เดือนที่แล้วนึกว่าจะได้ กมธ. แต่พบว่าดีเลย์ ดังนั้น เมื่อตั้งโครงการไว้แล้วต้องเดินหน้า จะเลื่อนเพื่อให้สภาฯ พร้อมไม่ได้ เพราะมีการประสานไปยังประเทศสิงคโปร์และส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้จัดเตรียมการประชุมไว้แล้ว ซึ่งหากเลื่อน จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเพื่อส่งคืนคลังเอง ผมยืนยันว่า การไปดูงานครั้งนี้ ไม่ได้ไปเที่ยว เราได้คำนึงถึงผลลัพธ์ของการไปดูงานที่มีผลสัมฤทธิ์ และหลังจากกลับมาแล้ว จะนำรายงานเสนอไปยังรัฐบาล ภาคประชาชน และสภาฯ” นายปดิพัทธ์ ชี้แจง
ส่วนงบประมาณที่นำมาใช้เพื่อการเดินทาง ซึ่งพบว่ามีการโยกงบประมาณจากค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพการประชุมระหว่างประเทศ โดยไม่ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงก่อน นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ขอไปดูรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งเรื่องดังกล่าวทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ชี้แจงกับว่ามีงบประมาณในส่วนของการประสานงานพิธีการทูต 1.3 ล้านบาท จึงจัดโปรแกรมให้ต่ำกว่างบที่มีให้ได้ และสัมพันธ์กับจำนวนคณะที่จะเดินทาง
“การโยกงบประมาณนั้น ต้องขอดูรายละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ การใช้งบรอบนี้ไม่ใช่การล้างท่อ เพราะยังมีงบที่ค้างจ่ายอีกมหาศาล” นายปดิพัทธ์ กล่าว
ส่วนที่ในเอกสารโครงการดังกล่าว มีการพบว่าอนุมัติให้มีผู้ติดตามคณะด้วย จะควบคุมไม่ให้การใช้งบประมาณบานปลายอย่างไรนั้น นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า คณะเดินทางมีเพียงนายไกลก้อง ไวทยการ อดีต กมธ.กิจการสภาฯ ซึ่งเป็นผู้ที่ศึกษาโดยตรงกับเรื่อง Smart Parliament และออกค่าใช้จ่ายเอง แต่หากจะมีการนำคู่สมรส หรือเพื่อนเดินทางไปด้วย ก็จะต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด และต้องไม่กระทบกับแผนการดูงาน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ย. 66)
Tags: งบประมาณ, ปดิพัทธ์ สันติภาดา, สิงคโปร์