นายวสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีที่ดินเพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งปัจจุบันการจัดเก็บภาษีที่ดินยังมีความซ้ำซ้อนอยู่ค่อนข้างมาก การนำที่ดินมาพัฒนา 1 โครงการจะต้องเสียภาษีที่ดินสูงราว 20% มีผลต่อการส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาที่อาศัยให้ปรับสูงขึ้น หากมีการเก็บภาษีที่ดินเพิ่มขึ้นอีกก็จะทำให้ราคาขายที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น กระทบต่อความสามารถในการซื้อของคนในประเทศ
นายวสันต์ มองว่าแนวทางที่จะทำให้เกิดการจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น ไม่ใช่การเพิ่มภาษี แต่ควรจะเป็นการขยายฐานภาษี ซึ่งจะทำให้คนมีความรู้สึกอยากจ่ายภาษี และมีจำนวนผู้เสียภาษีเพิ่มขึ้น ทำให้ภาครัฐได้ประโยชน์ในเรื่องของการจัดเก็บเงินเพิ่มขึ้น และไม่เกิดเป็นช่องโหว่ในการที่คนที่ถูกเก็บภาษีเพิ่มจะหาทางเลี่ยงภาษี
“การขยายฐานภาษีดีกว่าการเพิ่มภาษี เพราะสุดท้ายคนก็จะเลี่ยงภาษี เราอยากให้ไปถามว่ามีคนค้างภาษีเท่าไหร่ และค่าไปตามเก็บพวกกลุ่มไม่เสียภาษีอีกเท่าไหร่ เราควรทำฐานภาษีในอัตราเดียวกัน ไม่ใช่หลายภาษี ทำให้คนเกิดความรู้สึกว่าอยากเสียภาษี และควรสังคยาภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลดความซ้ำซ้อนของการจัดเก็บภาษี” นายวสันต์ กล่าว
ขณะที่แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 4/66 คาดว่าจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ และต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1/67 ซึ่งเป็นการต่อเนื่องที่คนจะเริ่มซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงปลายปี และจะเริ่มโอนในช่วงไตรมาสแรกของปีถัดไป ซึ่งในช่วงไตรมาส 2/66 และไตรมาส 3/66 ยอดขายและยอดโอนถือว่ายังชะลอตัว แต่ไตรมาสสุดท้ายของปีเชื่อว่าผู้ประกอบการต่างๆจะออกแคมเปญและโปรดมชั่นกระตุ้นการขาย รวมถึงสถาบันการเงินที่จะมีแคมเปญออกมากระตุ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาคึกคัก
อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเป็นเรื่องกำลังซื้อที่ชะลอตัว และหนี้สินครัวเรือนที่สูง ทำให้สถานบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งปัจจุบันแนวราบมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อราว 30% ส่วนคอนโดมิเนียมอาจจะมีอัตราการปฏเสธค่อนข้างสูงกว่า 50% โดยเฉพาะระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท อีกทั้งยังมีแรงกดดันจากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้ความสามารถในกู้ลดลง และทำให้คนชะลอการตัดสินใจซื้อ นอกเหนือจากมาตรการ LTV ที่มีอยู่
สิ่งที่สำคัญที่ทางผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ฝากความหวังให้กับรัฐบาล คือ การผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการกระตุ้นเศราฐกิจในประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างรายได้ และทำให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในประเทศ คนมีความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งส่งผลบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย เมื่อคนมีความมั่นใจ มีรายได้มากขึ้น ก็จะมีการซื้อที่อยู่อาศัยตามมา และสถาบันการเงินก็มีความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งทางผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ขอมาตรการอื่นๆเพิ่มเติมในตอนนี้ ขอดูการทำงานของภาครัฐก่อน
“นายกฯเข้ามาต้องการบริหารเศรษฐกิจให้ดี เราต้องให้ทางรัฐบาลเดินหน้าในการกระตุ้นเศรษฐกิจไปก่อน ถ้าภาพรวมดี อสังหาฯก็ฟื้นดีตามไปด้วย ขออย่าสร้างกฎระเบียบอะไรเพิ่มขึ้น” นายวสันต์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.ย. 66)
Tags: ภาษีที่ดิน, วสันต์ เคียงศิริ, สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร