บล.พาย ชี้ SET สัปดาห์นี้รับแรงกดดันเงินเฟ้อสหรัฐ-ดอกเบี้ยสูงให้กรอบ 1,515-1,560 จุด

บล.พาย ระบุ สัปดาห์นี้ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกจะให้ความสำคัญ ได้แก่ เงินเฟ้อสหรัฐฯมีกำหนดรายงานในวันพุธช่วงเวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย Bloomberg คาดการณ์ไว้ที่ 3.6%YoY , 0.6%MoM และเงินเฟ้อพื้นฐานที่ 4.3%YoY , 0.2%MoM หากพิจารณาการปรับขึ้น MoM จะพบว่าเงินเฟ้อทั่วไปขยายตัวสูงกว่าเงินเฟ้อพื้นฐาน โดยทั้ง 2 เงินเฟ้อที่ต่างกันคือราคาพลังงานและอาหาร ดังนั้นเป็นปัจจัยชี้ว่าสาเหตุที่เงินทั่วไปขยายตัวแรงกว่าเงินเฟ้อพื้นฐานมาจากราคาน้ำมันดิบ หากพิจารณาราคาน้ำมันดิบ BRT เดือน ส.ค. เทียบเดือน ก.ค. พบว่าขยับขึ้นมา 6%MoM

ปัจจัยที่ต้องติดตามจากนี้ ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบหากยังปรับขึ้นต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยกดดันให้เงินเฟ้ออยู่ระดับสูงและดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มจะอยู่ระดับสูงต่อไป อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยที่อยู่ระดับสูงข้อมูลในอดีตชี้ว่ามักตามมาด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น้อยลง จึงยังคงมุมมองตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงไทยจะมี Upside ที่จำกัดเพราะถูกกดดันจากปัญหาดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่อยู่ระดับสูง

สำหรับปัจจัยอื่นๆ รอติตดาม ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี Bloomberg คาดไว้ที่ 0.4%MoM หากสูงกว่าคาดการณ์จะเพิ่มแรงกดดันต่อตลาดหุ้น ขณะเดียวกันในวันดังกล่าวจะมีการรายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ Bloomberg ประเมินไว้ที่ 0.2%MoM หากสูงกว่าคาดการณ์ก็มองเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้น

สำหรับในประเทศรอติดตามประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งแรกของรัฐบาลชุดใหม่ในวันพุธนี้ เบื้องต้นมีรายงานว่าจะออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรจากภาวะ Elnino ซึ่งปัจจุบันกำลังมีผลกระทบต่อผลผลิตที่ลดลง มองหุ้นรับผลบวกได้แก่ CPALL DOHOME GLOBAL HMPRO อื่นๆรอติดตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคในวันพฤหัสบดี

ประเมิน SET INDEX สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,515-1,560 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่เพิ่มพอร์ตการลงทุน ยังมองไม่เห็นปัจจัยขับเคลื่อนที่มีนัยสหคัญ และเต็มไปด้วยความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่อยู่ระดับสูง ส่วน Trading ระยะสั้น แนะ กลุ่มน้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL DOHOME GLOBAL) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ธนาคาร (BBL KBANK KTB SCB TTB) กลุ่มการเงิน (MTC SAWAD TIDLOR)

PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 180.00 บาท) ไตรมาส 3/66 ยังเป็นบวกจากแนวโน้มปริมาณขายที่ปรับดีขึ้น โดยผู้บริหารให้แนวทางไว้ที่ 470kBOED (+6% QoQ) ขณะที่ราคาขายก็มีโอกาสปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่ขึ้นไปแตะ US$84/บาร์เรลในเดือน ก.ค. หรือขึ้นไปกว่า US$6.0/บาร์เรลจากค่าเฉลี่ยในไตรมาส 2/66 ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นช่วงล่าสุดเป็นผลจากการที่ OPEC+ ขยายกรอบการลดปริมาณผลิตไปถึงเดือน ส.ค.

HMPRO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 15.90 บาท) ภาพรวมกำไรสดใสพร้อมกับผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่ง หนุนจากการขยายสาขา Mega Home ในเชิงรุก และแคมเปญ “เก่าแลกใหม่” ในช่วงวันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.66 ขณะที่หุ้นมีมูลค่าน่าดึงดูดที่ -1SD ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปี ทั้งนี้ มูลค่าพื้นฐานของเราอยู่ที่ 15.90 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดเงินสด (DCF) (WACC 8.6%, TG 3%) อิง 31xPE’23E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านของไทย

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.ย. 66)

Tags: , , , , ,
Back to Top