BEC จ่อหั่นเป้าทั้งปีแม้เชื่อรายได้ H2/66 ดีขึ้นเร่งส่งละครฟอร์มยักษ์ออนแอร์ทั้งใน-ตปท.

นายพิริยดิส ชูพึ่งอาตม์ รองกรรมการผู้อำนวยการ-สำนักการเงินและบัญชี บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างปรับเป้าหมาย แต่จะพยายามไม่ให้รายได้ของบริษัทในปีนี้น้อยกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 5,152 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้ 2,220 ล้านบาท เนื่องจากการขายโฆษณาในประเทศในไตรมาส 1/66 ยังหดตัว และต่อเนื่องมาในไตรมาส 2/66 แต่ยังมั่นใจว่าบริษัทจะมียอดขายลิขสิทธิ์และราไยด้ออนไลน์ปีนี้รวมกันเข้าเป้า 800 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าน่าจะทำรายได้ดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะมีละครเด่นๆหลายเรื่องเริ่มทยอยออกอากาศ โดยในไตรมาส 3/66 จะมีละครเรื่อง สืบลับหมอระบาด , เกมรักทรยศ หลังจากละครเรื่อง มาตาลดา สามารถดึงเรตติ้งพุ่งขึ้นไปมาก และ เรื่อง แค้น เพิ่มจบไป รวมถึงการนำละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กลับมารีรันก็มียอดเรตติ้งอยู่ในเกณฑ์ดี

และในไตรมาส 4/66 มีละครเรื่อง พรหมลิขิต ซึ่งเป็นภาค 2 ต่อจากเรื่องบุพเพสันนิวาส มีกำหนดออกอากาศในเดือน ต.ค.นี้ รวมถึงละคร กลเกมรัก และ เจ้าสาวบ้านไร่

รวมทั้งได้ขายลิขสิทธิ์ละครช่อง 3 ไปยังแพลตฟอร์มต่างประเทศ (Global Content Licensing Business:GCL) ต่างๆ ได้แก่ Netflix , VIUทั้งในไทย และมาเลเซีย , Channel U ในสิงคโปร์, จีน CLMV และ Amazon Prime ที่จะนำละคร สืบลับหมอระบาด ที่เป็นเรื่องแรกที่ออกช่องทางนี้

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังมีละครที่จะขายคอนเท้นท์ไปต่างประเทศ ได้แก่ แค้น, มาตาลดา, เกมรักทรยศ

นายภาณุกรณ์ พึ่งประดิษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ -นักลงทุนสัมพันธ์ BEC กล่าวว่า บริษัทยังมีธุรกิจใหม่คือ BEC STUDIO ที่จะเป็นผู้ผลิตคอนเท้นท์ ซึ่งกำลังเซ็นสัญญากับ OTT ต่างประเทศรายใหญ่รายหนึ่งที่จะขายลิขสิทธิ์ไปยังประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) ได้แก่ ละครเรื่อง มือปราบกะทะรั่ว , ร้อยเล่มเกมออฟฟิศ ซึ่งก็เป็นความพยายามที่บริษัทขยายการขายคอนเท้นท์ไปต่างประเทศ โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ได้ขยายไปตลาดญี่ปุ่น ไต้หวัน อินโดนีเซีย

บริษัทยังมีศักยภาพขยายตลาดละครไปยังตลาดต่างประเทศไปอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากคอนเท้นท์หรือละครของบริษัทมีคุณภาพระดับเอเชีย โดยละครและรายการของบริษัทได้รับการเสนอขื่อเข้าชิงรางวัลนานาชาติเป็นจำนวนมาก จะทำให้ลูกค้าในต่างประเทศเป็นที่รู้จักละครของบริษัทอย่างกว้างขวาง

ขณะที่ธุรกิจ Digital Platform Business ที่มีแอป 3 Plus ที่มีทั้งแบบมีโฆษณาและไม่มีโฆษณา มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2/66 มียอดคนดู (Monthly Active Users:MAU) 10.7 ล้านรายเพิ่มจาก 7.9 ล้านรายในไตรมาส 1/66 และ 10 ล้านรายในไตรมาส 4/65 โดยแบ่งเป็นคนดู 3Plus (แบบมีโฆษณา) โตเป็น 7.5 ล้านรายในไตรมาส 2/66 จาก 6.5 ล้านรายในไตรมาส 1/66 และ 3 Plus Premium (แบบไม่มีโฆษณา) มียอดทะลุ 1 แสนรายแล้วในไตรมาส 2/66 จาก 5.75 หมื่นรายในไตรมาส 1/66

นายภาณุกรณ์ กล่าวว่า สาเหตุที่ 3 Plus Premium มียอดสมาชิกเติบโต มาจากการร่วมมือพันธมิตรอย่างบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ตั้งแต่ไตรมาส 1/66 ที่ช่วยเพิ่มยอดสมาชิก และเตรียมจับมืออีก 2 ธนาคารที่จะเปิดตัวต่อไป ประกอบกับคอนเท้นท์ที่ดี อย่างละคร

นายพิริยดิส กล่าวว่า BEC ยังได้ดำเนินธุรกิจภาพยนตร์ที่เริ่มทำมา 1-2 ปี โดยปีนี้จะมีเรื่อง”ธี่หยด”เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในเดือนก.ย.นี้ และยังมีหนังที่อยู่ในแผน เป็นหนังแนว Action Comedy แสดงนำโดยนักแสดงช่อง 3 คาดเปิดตัวในไตรมาส 4/66 จะเห็นว่าธุรกิจภาพยนตร์ก็เติบโตต่อเนื่อง ช่วยขยายฐานรายได้

ในส่วน BEC STUDIO จะเปลี่ยนโมเดลธุรกิจของบริษัท แทนที่จะผลิตและออกอากาศแล้วนำไปขาย แต่ผลิตเพื่อขายใน OTT ต่างประเทศ ก่อนแล้วกลับมาออกอากาศช่อง 3 ซึ่งขายได้แล้ว 2 เรื่องในปีนี้

นายพิริยดิส กล่าวต่อว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทก็วางแผนรักษาต้นทุนที่แข่งขันได้แต่ยังคงคุณภาพคอนเท้นท์ที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ส.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top