- ศบค.สรุปยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย วันนี้ (11.30 น.)
- ผู้ติดเชื้อสะสม 3,390 คน (+0)
- เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ = 0 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) = 0 ราย
- รักษาหายแล้ว 3,220 คน (+1)
- ผู้ป่วยรักษาอยู่โรงพยาบาล 112 คน (-1)
- เสียชีวิตสะสม 58 คน (+0)
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า ไม่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,390 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,444 ราย และตรวจพบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จำนวน 453 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,220 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 112 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โรคโควิด 19 ในหลายประเทศทั่วโลกขณะนี้ยังมีการระบาดเป็นวงกว้าง ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกมีจำนวนถึง 23,108,105 ราย ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุดคือ สหรัฐอเมริกา 5,796,727 ราย รองลงมาคือ บราซิล 3,536,488 ราย และอินเดีย 2,973,368 ราย
นอกจากนี้มีหลายประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้วและกลับมาระบาดระลอกใหม่ เช่น ประเทศเมียนมาร์ในรัฐยะไข่ ทำให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเตือนว่าการที่ประชาชนผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ไม่ใส่ใจต่อการดูแลตนเอง เป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้เกิดการระบาดรอบใหม่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตามถือเป็นบทเรียนสำคัญให้ประเทศไทยได้เกิดการศึกษาเรียนรู้
จากข้อมูลผลสำรวจการรับรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนเรื่องโรคโควิด 19 โดยกรมควบคุมโรค (DDC Poll) ออนไลน์ครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 4-18 สิงหาคม 2563 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,346 ราย พบว่า หลังผ่อนปรนมาตรการในเฟส 6 ประชาชนเริ่มหย่อนการป้องกันตนเองในเรื่องการสวมหน้ากากเมื่อไม่มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ลดลงเหลือร้อยละ 64.8 จากที่เคยสูงสุดถึงร้อยละ 93.5 ลดลงจากครั้งที่ 14 (ร้อยละ 68.5) ถึงร้อยละ 4 ต่ำที่สุดจากที่เคยสำรวจทุกครั้งที่ผ่านมา และมีผู้ตอบว่าจะสวมหน้ากากต่อเนื่องเพียงร้อยละ 55.3 ลดลงจากที่เคยสูงสุดร้อยละ 63.7
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามถึงผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งร้อยละ 46.5 ตอบว่ามีค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น, ร้อยละ 40.9 มีรายได้ลดลง และร้อยละ 34.1 ไม่ได้ไปโรงเรียนตามปกติหรือเข้าร่วมกิจกรรมสังสรรค์ แต่ก็มีประชาชนที่ตอบในเชิงบวกว่าทำให้รับผิดชอบตัวเองและสังคมมากขึ้นถึงร้อยละ 55.3, ได้ทำสิ่งใหม่หรือค้นพบว่าตัวเองทำสิ่งใหม่ๆ ได้ร้อยละ 55.1 และได้พักผ่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3
โดยสรุปพบว่าพฤติกรรมสุขภาพในการป้องกันโรคของประชาชนมีแนวโน้มลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้เกิดการระบาดรอบใหม่ได้ตามคำเตือนขององค์การอนามัยโลก จึงขอย้ำให้ประชาชนร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเข้มข้น เป็นนิสัย โดยเฉพาะการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้านและตลอดเวลาขณะอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ กินร้อน ใช้ช้อนกลางส่วนตัว เว้นระยะห่างลดการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด และลงทะเบียนเข้าออกสถานที่ที่ใช้บริการ ด้วยแพลตฟอร์มไทยชนะ เพื่อช่วยกันรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในระดับต่ำต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ส.ค. 63)
Tags: COVID-19, ศบค., ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19, โควิด-19