นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า หลังจาก 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ไม่สามารถผลักดันการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี จากพรรคก้าวไกล ชิงนายกรัฐมนตรีในการโหวตรอบที่ 2 ได้สำเร็จ หลังจากนี้ต้องหารือกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลกันก่อน โดยยังคงให้สิทธิพรรคก้าวไกล ดำเนินการทุกกระบวนการว่าจะมีท่าทีอย่างไร ซึ่งต้องรอทางก้าวไกลนัดหมายก่อน
เบื้องต้นเลขาธิการพรรคทั้ง 2 พรรคได้พูดคุยกันแล้ว ซึ่งตอนนี้เพื่อไทยยังอยู่ร่วมกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล และยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเสนอชื่อใครให้ลงมติโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องรอผลหารือกันก่อน ซึ่งอาจจะมีขึ้นในวันนี้หรือพรุ่งนี้ ซึ่งจะต้องเร่งทำงานแข่งกับเวลา เนื่องจากมีการนัดหมายการโหวตเลือกนายกฯครั้งต่อไป ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ แต่มั่นใจในการเสนอชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยจะได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอ โดยที่ยังคงยึดหลักการจัดตั้งรัฐบาลกับ 8 พรรคร่วมฯ ที่มีก้าวไกลอยู่ด้วย แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยแผนการหาเสียงสนับสนุนว่าจะจากส่วนใด
ขณะนี้ เพื่อไทยยังไม่ได้หารือกับ สว. ต้องรอให้เกิดความชัดเจนว่า เพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างแท้จริงจึงค่อยดำเนินการ แต่อย่างไรก็ต้องมีการเสนอชื่อแคนดิเดทนายกฯ ในวันที่ 27 ก.ค. ส่วนจะเสนอชื่อใครต้องไปอยู่ในวงหารือ
นพ.ชลน่าน ย้ำว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลต้องรอให้ก้าวไกลประกาศอย่างเป็นทางการก่อน พร้อมยืนยัน 8 พรรคยังจับมือ ไม่คิดข้ามขั้ว คิดแต่เพียงว่า จะวางแผนอย่างไรให้ได้รับเสียงโหวตจากรัฐสภา ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี พร้อมยอมรับว่า ไม่พอใจกับมติเสียงข้างมากที่เกิดขึ้นในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวานนี้ เพราะไม่เป็นไปตามระบบนิติธรรม หลังมีความพยายามใช้ข้อบังคับ เพื่อขัดขวางกระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นอุปสรรค และปัญหาสำคัญในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีในครั้งต่อไป อีกทั้งจะเป็นบรรทัดฐานสำหรับการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในอนาคต
“ไม่มีใครอยากรบในสมรภูมิที่รบแล้วแพ้ แล้วเสียคนของเราไปด้วย เกิดมีคนเดียว เราเสนอไม่ได้มันจบเลยนะครับ” นพ.ชลน่าน กล่าว
ส่วนกระแสข่าว สว.จะไม่สนับสนุนหากพรรคก้าวไกลยังร่วมรัฐบาลนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นเพียงกระแสข่าว ต้องไปพิสูจน์ข่าวว่าเป็นจริงหรือไม่ แต่เราคงไม่รอให้มีมติออกมาแบบนั้น กรณีถ้าเราเสนอหากรอมติตรงนั้นก็แพ้อย่างเดียว ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการรวบรวมเสียง และเพื่อไทยยังอยู่กับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล
“ในหลักการถ้าเรามีกำลังแค่ร้อย ถ้าจะเอาชนะต้องทำให้เต็มร้อยหรือแปดสิบ เก้าสิบ เพื่อจะชนะ ถ้าเรามีกำลังอยู่แค่นี้ ไปรบเขาก็แพ้ ไม่ว่าใครเจอสถานการณ์นี้ต้องคิดหนัก ต้องสร้างความมั่นใจว่า ก่อนที่คุณไปรบมีโอกาสชนะอย่างไร และยังไม่คิดข้ามห้วย” นพ.ชลน่าน กล่าว
ส่วนข้อเรียกร้องให้ก้าวไกลลดเพดานการแก้มาตรา 112 เพื่อให้ได้เสียงสนับสนุนจาก สว.มากขึ้นนั้น เงื่อนไขไม่ใช่แค่แก้ไขมาตรา 112 วันนี้มากกว่านั้น พรรคเพื่อไทยเองไม่มีความคิดไปก้าวล่วงสิทธิและเสรีภาพของพรรคก้าวไกลถึงแม้จะเป็นพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่การจะบอกให้ไปลดเพดานคงไม่ได้ เพราะอยู่ที่การตัดสินใจของทางก้าวไกล
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นหากมีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้วมีก้าวไกลเป็นพรรคร่วมว่า “ตอบตอนนี้คิดอย่างไร ยังไม่อยากตอบ แต่เอาเป็นว่าให้เหตุการณ์ทุกอย่างไปถึงตรงนั้นก่อน ก็สามารถบอกวิธีคิดได้”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ค. 66)
Tags: การเมือง, จัดตั้งรัฐบาล, ชลน่าน ศรีแก้ว, นายกรัฐมนตรี, พรรคร่วมรัฐบาล, พรรคเพื่อไทย