ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ระบุในวันนี้ (12 ก.ค.) ว่า ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดของอังกฤษจำนวน 8 แห่งมีเงินทุนเพียงพอที่จะฝ่าฟันปัญหาเศรษฐกิจที่รุนแรงกว่าเมื่อครั้งที่เกิดวิกฤตการณ์การเงินปี 2551 หลังอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้บริโภคและธุรกิจ
ทั้งนี้ BoE ได้ดำเนินการทดสอบภาวะวิกฤตกับธนาคารพาณิชย์ในอังกฤษเพื่อตรวจสอบว่า ธนาคารพาณิชย์เหล่านี้มีเงินทุนเพียงพอที่จะรับมือกับภาวะตื่นตระหนกหรือไม่ หากเกิดวิกฤตการณ์ที่รุนแรงกว่าวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกในปี 2551 โดยในเวลานั้นผู้จ่ายภาษีของอังกฤษต้องเข้าช่วยอุ้มธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง
ขณะเดียวกัน การทดสอบภาวะวิกฤตยังวัดว่า กลุ่มธนาคารพาณิชย์รับมือกับภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นทั่วโลกได้ดีเพียงใด
รายงานระบุว่า ธนาคารทั้ง 8 แห่ง ได้แก่ บาร์เคลย์ (Barclays), ลอยด์ (Lloyds), เอชเอสบีซี (HSBC), แนตเวสต์ (NatWest), ซานตันเดร์ ยูเค (Santander UK), สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (Standard Chartered), เนชั่นไวด์ บิลดิ้ง โซไซตี้ (Nationwide Building Society) และเวอร์จิน มันนีย์ (Virgin Money) โดยธนาคารทั้ง 8 แห่งปล่อยสินเชื่อรวมกันในอังกฤษคิดเป็นสัดส่วน 75%
BoE ระบุว่า ได้ตัดสินใจคงมาตรการ “กันชนเงินทุนต้านวัฏจักร” (CCyB) สำหรับธนาคารพาณิชย์ดังเดิม
“กรณีดังกล่าวจะช่วยรับประกันว่า ธนาคารพาณิชย์มีศักยภาพเพียงพอที่จะรับมือกับภาวะตื่นตระหนกในอนาคตโดยไม่จำเป็นต้องจำกัดการปล่อยสินเชื่อมากจนเกินควร” BoE กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ค. 66)
Tags: BoE, ธนาคารกลางอังกฤษ, ธนาคารพาณิชย์, อังกฤษ