PHG ปิดจ็อบขาย IPO ครบถ้วนยืนยันความพร้อมเทรดวันแรก 6 ก.ค.

นายรณชิต แย้มสอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป (PHG) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทั่วประเทศจองซื้อหุ้น IPO ของ PHG หมดทั้งจำนวนที่เสนอขาย 54 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 21 บาท สะท้อนความเชื่อมั่นต่อพื้นฐานธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง และโอกาสในการเติบโตในอนาคต โดยพร้อมแล้วที่จะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 6 ก.ค.66

PHG ประกอบธุรกิจหลักคือให้บริการทางการแพทย์ภายใต้ กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต ซึ่งประกอบไปด้วย โรงพยาบาล 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลแพทย์รังสิต โรงพยาบาลแพทย์รังสิต 2 และโรงพยาบาลเฉพาะทางแม่และเด็กแพทย์รังสิต มีจำนวนเตียงจดทะเบียนรวมทั้งหมด 270 เตียง

PHG มีประสบการณ์ในธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนกว่า 36 ปี พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางกว่า 20 สาขา และให้บริการศูนย์หัวใจ 24 ชั่วโมง ที่มีศักยภาพในการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด (Open Heart Surgery) ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งเดียวใน สปสช. เขต 4 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการที่รับการส่งต่อเฉพาะด้านการทำหัตถการรักษาหลอดเลือดโคโรนารีผ่านสายสวน ระดับ 1 และที่สำคัญกลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิตยังมีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคเฉพาะทางแม่และเด็ก โดยโรงพยาบาลมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและต่อยอดศักยภาพทางการแพทย์ด้านโรคเฉพาะทางผู้สูงอายุและ โรคผู้หญิง หรือโรคทางนรีเวชกรรม อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการของการรักษาแบบตติยภูมิ

วัตถุประสงค์การระดมทุนเพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการช่วงปี 66-69 ได้แก่ 1.เพื่อเป็นเงินทุนในโครงการก่อสร้างอาคารจอดรถภายในปี 2567 2.เพื่อเป็นเงินทุนในโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ที่ 1 ภายในปี 67 3.เพื่อเป็นเงินทุนในโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ที่ 2 ภายในปี 69 4.เพื่อเป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ภายในปี 67 5.เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงินบางส่วนภายในปี 66 และ 6.เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจภายในปี 66

นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ PHG เปิดเผยว่า โครงสร้างรายได้ของ PHG มีความแข็งแกร่งมาจากกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่ 51.17% ซึ่งประกอบไปด้วยลูกค้าเงินสด ลูกค้าที่ใช้สิทธิประกัน และลูกค้าคู่สัญญาและรายได้จากกลุ่มลูกค้าภายใต้สวัสดิการภาครัฐที่ 48.17% โดยหลักๆ ประกอบไปด้วยลูกค้าในโครงการประกันสังคม ถือว่ามีโครงสร้างรายได้ที่มีความมั่นคง และถ่วงดุลที่ดีจากทั้งสองกลุ่มลูกค้า ซึ่งภายหลังจากการเสนอขาย IPO แล้วนั้น PHG จะสามารถเพิ่มศักยภาพ และสร้างโอกาสในการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต

ผลประกอบการงวดปี 63-65 และงวด 3 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 104.64 ล้านบาท 317.48 ล้านบาท 293.10 ล้านบาท และ 44.55 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 6.73 ร้อยละ 15.99 ร้อยละ 14.27 และร้อยละ 9.11 ตามลำดับ

นางสาวพิมพ์พิชญธ์ ปรีชานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.คิงส์ฟอร์ด ในฐานะเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วมของ PHG เปิดเผยว่า กำไรสุทธิของ PHG ในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุดเท่ากับ 238.24 ล้านบาท การกำหนดราคา IPO ที่หุ้นละ 21 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ที่จำนวนหุ้นก่อน IPO 246 ล้านหุ้น เท่ากับ 21.65 เท่า และที่จำนวนหุ้นหลัง IPO 300 ล้านหุ้น เท่ากับ 26.58 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับกลุ่มอุตสาหกรรม มีความเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน ที่มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และเมื่อรวมกับประมาณการการเติบโตจากแผนการขยายธุรกิจในอนาคต

นายเผดิมภพ สงเคราะห์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บล.กรุงศรี ในฐานะเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายร่วมกล่าวว่า PHG เป็นรพ.เอกชนแห่งแรกในจังหวัดปทุมธานี และได้รับความนิยมอันดับต้นๆ มีศูนย์โรคหัวใจ 24 ชั่วโมง และเป็นรพ.เอกชนแห่งเดียวที่เป็นศูนย์รับส่งต่อการทำหัตถการรักษาหลอดเลือดโคโรนารีผ่านสายสวนระดับ 1 ของสปสช. เขต 4 ซึ่งวัตถุประสงค์ในการระดมทุนที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ของ PHG จะช่วยเพิ่มศักยภาพการให้บริการรักษาผู้ป่วย OPD และ IPD, ศูนย์ฟอกไต, เพิ่มโควตา สปส. และขยายศูนย์แพทย์เฉพาะทางในเชิงลึกครอบคลุมการรักษาโรคมะเร็ง, โรคเวชกรรมฟื้นฟู และโรคทางนรีเวช ของ PHG ซึ่งจะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.ค. 66)

Tags: , , , , ,
Back to Top