นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า หากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ไม่ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการโหวตในครั้งแรกคงมีสิทธิ์เสนอชื่อได้อีก แต่ส่วนตัวไม่แน่ใจ และไม่ทราบกระบวนการทางรัฐสภาว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ก.ค.หรือไม่
“อยากให้เป็นไปทีละขั้น และเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลจากฝ่ายประชาธิปไตยได้โดยเร็ว เนื่องจากมีเรื่องงบประมาณปี 67 ที่ต้องคำนึงถึงด้วย” นายเศรษฐา กล่าว
ส่วนที่มีกระแสข่าวผู้ที่เหมาะสมเป็นนายกฯ คนที่ 30 คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้นเป็นสิทธิของเขา เพราะแต่ละพรรคก็มีแคนดิเดตนายกฯ แต่ ก.ก.และ พท.อยู่ฝั่งประชาธิปไตย ดังนั้นจะเรียก พปชร.ว่าอะไรก็เรียกไป การออกมาพูดแบบนี้ก็ต้องมาดูที่คะแนนเสียงด้วย คงเป็นเรื่องของการเมือง ตอนนี้ขอโฟกัสที่เรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล
“ลองนับเลขดู เพราะเลขไม่ได้เป็นหลักล้าน ใช้แค่มือนับก็ได้แล้ว (กระแสข่าวสูตรจัดตั้งรัฐบาลที่ พท.จับมือกับ พปชร.) เลอะเทอะ ถามกี่ครั้งก็จะตอบว่าเลอะเทอะ” นายเศรษฐา กล่าว
กรณีที่นายพิธาเดินทางไปขอบคุณประชาชนในจังหวัดพิษณุโลกที่ให้การสนับสนุน พร้อมเปิดตัวนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เป็นแคนดิเดตประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น หากทีมเจรจามีข้อสรุปว่าตำแหน่งดังกล่าวเป็นของ ก.ก.ก็เป็นสิทธิของนายพิธาและ ก.ก.ที่จะเสนอชื่อใครก็ได้เพื่อให้สาธารณชนรับรู้ว่าจะให้นายปดิพัทธ์เป็นประธานสภาฯ แต่สำหรับ พท.ไม่มีสิทธิที่จะไปเปิดตัวแคนดิเดตประธานสภาฯ ในลักษณะเดียวกันนี้ การตกลงกันภายในเงียบๆ น่าจะดีกว่า
“ไม่รู้ว่าทัวร์ลงคืออะไร แล้วแต่จะคิด เราควรเน้นที่จุดมุ่งหมายมากกว่า เพราะเดี๋ยวตำแหน่งประธานสภาฯ ก็จะชัดเจนแล้ว เดินหน้าต่อไปในการโหวตเลือกนายกฯ” นายเศรษฐา กล่าว
การที่สมาชิกทั้ง 2 พรรคออกมาแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าวทั้งที่ยังไม่ได้ข้อสรุปนั้น เนื่องจากเราอยู่ในสังคมประชาธิปไตยก็มีสิทธิเสรีภาพในการพูด แต่เชื่อว่าหลายคนจะทราบว่าเวลาไหนควรพูด เวลาไหนไม่ควรพูด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ค. 66)
Tags: จัดตั้งรัฐบาล, พรรคเพื่อไทย, พลังประชารัฐ, เพื่อไทย, เศรษฐา ทวีสิน