เครือสหพัฒน์ลั่นปี 66 กวาดยอดขายกว่า 3 แสนลบ.ทุ่มงบลงทุนมหาศาลผนึกพันธมิตรลุยธุรกิจใหม่

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ในปี 66 เครือสหพัฒน์มั่นใจว่ายอดขายของทั้งเครือจะมากกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนการลงทุนในปี 66 จะเห็นการลงทุนของสหพัฒน์ที่ใช้เงินลงทุนมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะแผนการลงทุนใหม่ๆที่จะมีความชัดเจนในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่บริษัทไม่เคยลงทุนมาก่อน ซึ่งจะมีการร่วมลงทุนกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ

โดยปัจจุบัน 6 กลุ่มพันธมิตรในกลุ่มสหพัฒน์ นอกเหนือจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอุปโภคและบริโภค ได้แก่ กลุ่มธุรกิจพลังงาน กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล กลุ่มธุรกิจ Japanese Product กลุ่มธุรกิจการศึกษา กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ และกลุ่มธุรกิจบริการพิเศษอี่นๆ

นายบุณยสิทธิ์ กล่าวว่า ท่ามภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกมีความผันผวน จากความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างๆ รวมถึงภาวะเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง และทิศทางของเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากตัวเลขการส่งออกที่ลดลง แต่ยังมองภาพที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจไทยที่มาจากภาคการท่องเที่ยว ที่เป็นเครื่องยนต์กระตุ้นเศรษฐกิจไทยเป็นหลักในปีนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวยังคงเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการรอจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ และการวางนโยบายด้านเศรษฐกิจ หลังจากการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว โดยเป็นที่รู้กันดีกว่าปัจจุบันพรรรคแกนนำจัดรัฐบาลเป็นพรรคที่มีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานการเมือง ซึ่งหากจัดตั้งรัฐบาลได้จะทำให้ประเทศไทยมีผู้นำที่เป็นคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารงานการเมือง และขับเคลื่อนประเทศ โดยเป็นเทรนด์ของหลายประเทศทั่วโลกที่มีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานในการขับเคลื่อนบ้านเมือง และขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันสังคมได้เปลี่ยนไปสู่ยุคคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานมากขึ้น เพราะคนรุ่นใหม่เป็นคนที่คิดเร็ว ทำเร็ว และกล้าตัดสินใจ เมื่อเทียบกับคนรุ่นเก่าที่มีความรอบคอบ ทำให้ตัดสินใจช้ากว่าคนรุ่นใหม่

โดยที่ผ่านมาสหพัฒน์ได้มีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานมากขึ้น ซึ่งทางบริษัทมีความยินดีเปิดรับคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน เพราะบริษัทปรับเปลี่ยนให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอด เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับองค์กร ทำให้บริษัทต้องมีการปรับตัวในการทำงานอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการปรับตัวตามนโยบายของภาครัฐที่จะเปลี่ยนผ่านมาสู่รัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งยังรอดูว่านโยบายรัฐบาลชุดใหม่จะออกมาอย่างไร

สำหรับโจทย์ที่สำคัญของรัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศ คือ การพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องทำให้คนมีงานทำ ไม่ว่างงาน มีทักษะ รวมถึงการพัฒนาการเกษตรให้ดียิ่งขึ้น การพัฒนาศักยภาพของภาคอุตสาหกรรม และสนับสนุนการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้ นอกเหนือจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งไม่ใช่แนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจที่ดี และอาจสร้างความเสี่ยงให้กับผู้ประกอบการมีต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่อาจจะมีการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นที่มีต้นทุนต่ำกว่า เช่น เวียดนาม

“การพัฒนาเศรษฐกิจในปัจจุบันยังเผชิญกับความท้าทายอยู่มาก และมีความท้าทายรอบด้าน หากต้องใช้เครื่องยนต์ในการขับขึ้นเขานั้น เครื่องยนต์จะต้องแรง หากเปรียบก็ต้องขับมัสแตงค์ขึ้นเขา” นายบุณยสิทธิ กล่าว

อย่างไรก็ตามหากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำขึ้น ทางสหพัฒน์ก็มีการปรับตัวทางธุรกิจตามให้มีความสอดคล้อง และรักษาความสามารถในการทำธุรกิจให้อยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น เพื่อทำให้สินค้าของเครือสหพัฒน์มีราคาที่เหมาะสม และช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนได้

จัดสหกรุ๊ปแฟร์ 29 มิ.ย.-2 ก.ค. ดึงอินฟลูเอนเซอร์ไทยต่างชาติไลฟ์ขายของ

นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล (ICC) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ กล่าวว่า ปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่ค่าครองชีพของคนไทยสูงขึ้นมาก จึงเป็นโอกาสอันดีที่ทุกคนจะได้มาซื้อของกินของใช้ราคาเบาๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย โดยงานปีนี้จะจัดขึ้นที่ฮอลล์ 98-100 ไบเทค บางนา บนพื้นที่ 20,900 ตารางเมตร ตั้งแต่ วันที่ 29 มิ.ย. – 2 ก.ค. 66 เวลา 10.00–21.00 น. ภายใน ฮอลล์ 100 เป็นพื้นที่จัดแสดงสินค้านวัตกรรม ส่วน ฮอลล์ 98-99 จะมีสินค้าแบรนด์ดังราคาพิเศษมาจำหน่าย อาทิ มาม่า ฟาร์มเฮ้าส์ วาโก้ กีลาโรช ลาคอสต์ บีเอสซี เวลแคร์ เปา ซื่อสัตย์ ซิสเท็มมา โชกุบุสซึ โคโดโมะ และอื่นๆอีกมากมาย

งานปีนี้จะจัดขึ้นในธีม ศึกเจ้านักช้อป ความพิเศษของงาน คือ จะมี อินฟลูเอนเซอร์ชาวไทยและต่างชาติ เช่น จีน มาเลเซีย เวียดนาม มาไลฟ์จำหน่ายสินค้า ผู้ชมสามารถสั่งซื้อได้ทันที ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่มากขึ้น โดยการไลฟ์ของอินฟลูเอนเซอร์ต่างชาติเพื่อจำหน่ายสินค้าไปยังต่างประเทศนั้น ทาง SHOP CHANNEL จะร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศต่าง ๆ ได้แก่ Eshoplive บริษัท Live commerce อันดับหนึ่งจากมาเลเซีย, SukeTV บริษัทสตาร์ตอัปด้านมัลติมีเดียช้อปปิง และ KOL จากมาเลเซีย, Yowant บริษัท Multichannel Network และอินฟลูเอนเซอร์จากจีน และ Verofax บริษัทด้านเทคโนโลยีจากดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ร่วมกับ WebTVAsia บริษัทเครือข่ายอินฟลูเอนเซอร์จากมาเลเซีย

อีกทั้งปีนี้ยังเป็นปีทองของธุรกิจสัตว์เลี้ยง เพราะพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่รักสัตว์เหมือนสมาชิกในครอบครัว จึงเป็นครั้งแรกที่จัดเป็น Pet-Friendly สามารถพาสัตว์เลี้ยงมาร่วมงานได้ โดยนำสัตว์เลี้ยงไว้ในรถเข็น และภายในงานยังมีการจัดแสดงนวัตกรรม สินค้าใหม่ที่น่าสนใจ รวมทั้งธุรกิจที่ SPI เข้าไปลงทุนและพันธมิตรรวมกว่า 20 บริษัท ทั้งพลังงาน โรงพยาบาล การศึกษา โลจิสติกส์ บริการ และสินค้าจากญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงสินค้าญี่ปุ่นแบรนด์ดังอย่าง ดองกิ ซึรุฮะ ลอว์สัน ไดโซะ โคเมเฮียว

นอกจากนี้ ยังมีสินค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ ESG(Environment Social Governance)และการจำหน่ายสินค้าแบบ B2B รวมทั้งกิจกรรมพิเศษมากมาย เช่น โครงการ The Affiliate Thailand Presented by Saha Group ที่จับมือจุฬาฯ และ TikTok จัดแคมเปญสร้างรายได้ง่ายๆ ใน 1 นาที ด้วยการเป็น Affiliate ทาง TikTok ซึ่งหลังจบเวิร์กชอปสามารถลงมือสร้างรายได้ได้ทันที และยังมี แฟชั่นโชว์ การประกวด การสัมมนา การเซ็นสัญญาร่วมทุน เป็นต้น

ในส่วนของออนไลน์จะเปิดจำหน่ายทางแพลตฟอร์มของเครือสหพัฒน์ทั้ง SAHAGROUPONLINE, SHOP CHANNEL, IDF ONLINE, ICC SHOPPING, SAHAPAT DELIVERY, LION SHOP ONLINE และช่องทางใหม่ทาง TikTok สหกรุ๊ปแฟร์ สำหรับแบรนด์ที่มีช่องทางออนไลน์ของตัวเองจะเปิดให้ช้อปราคาพิเศษเช่นกัน สามารถดูรายชื่อแบรนด์ที่เปิดให้ช้อปออนไลน์และโปรโมชันได้ที่ www.sahagroupfair.com

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 พ.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top