เลือกตั้ง’66: “ศรีสุวรรณ” ร้อง กกต.สอบ “เอก-ป๊อก-ช่อ” ครอบงำชี้นำพรรคก้าวไกล

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า เข้าข่ายครอบงำ ชี้นำการทำกิจกรรมของพรรคก้าวไกล ขัดมาตรา 28 พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 หรือไม่

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค ซึ่งทั้ง 3 คนรวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย แต่ยังพบว่าบุคคลทั้ง 3 มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งการตั้งคณะก้าวหน้า และมูลนิธิก้าวหน้า ที่มีสถานที่ตั้งเดียวกับพรรคก้าวไกล มีการรณรงค์ล่ารายชื่อประชาชน 5 หมื่นชื่อ เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.การเลือกตั้งท้องถิ่น โดยพรรคก้าวไกลทำคู่ขนานไปในทางเดียวกัน แม้ว่ากฎมายดังกล่าวจะถูกตีตกไม่ผ่านรัฐสภา แต่บุคคลทั้ง 3 ยังมีการขับเคลื่อนเชิงนโยบายผลักดันการกระจายอำนาจ ปฏิรูปท้องถิ่นเรื่อยมาจนถึงการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 ก็เลี่ยงกฎหมายด้วยการไปเป็นผู้ช่วยหาเสียง และออกหาเสียงทั่วประเทศให้กับพรรคก้าวไกล

เมื่อเลือกตั้งเสร็จ พรรคก้าวไกลมีคะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1 กำลังจัดตั้งรัฐบาล บุคคลทั้ง 3 ก็ไปร่วมวงจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล และพรรคการเมืองอื่น พฤติกรรมเหล่านี้ สะท้อนว่าทั้ง 3 คนเข้าไปเกี่ยวพันกับพรรคก้าวไกลอย่างต่อเนื่อง จึงอาจจะเข้าข่ายเป็นการชี้นำ ครอบงำ ก้าวก่าย การทำกิจกรรมของพรรค

โดยก่อนหน้านี้ นายธนาธร เคยให้สัมภาษณ์ผ่านรายการคุยฟ้าผ่าทางช่องยูทูปว่า ได้สั่งให้ ส.ส.พรรคก้าวไกล หาเสียงเพื่อผลักดันร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า โดยพรรคก็ขานรับ ตนจึงเห็นว่าเป็นเหตุที่ กกต.ต้องวินิจฉัยตามกฎหมาย จึงนำหลักฐานเป็นคลิปเสียงพร้อมถอดเทปมายื่นต่อ กกต. เพื่อชี้ให้เห็นว่าทั้ง 3 คน ไม่ได้มีการตัดขาดกับพรรคก้าวไกลเลย และหาก กกต.วินิจฉัยว่าทั้ง 3 มีความผิดตามมาตรา 28 ในส่วนของพรรคก็จะเข้าข่ายยอมให้บุคคลซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคชี้นำ ครอบงำ ขัดมาตรา 29 เป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองได้

นายศรีสุวรรณ ยืนยันว่า การร้องเรียนต่างๆ เป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบตามที่กฎหมายเลือกตั้ง และกฎหมายรัฐธรรมนูญให้สิทธิ ซึ่งประชาชนกว่า 70 ล้านคนก็สามารถทำได้ เพียงแต่ประเด็นที่ตนร้อง อาจจะไปขัดหูขัดตาผู้มีอำนาจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงอะไร เพราะจะให้คนรักทั้ง 100% ก็ไม่ได้ ก็เหมือนพรรคการเมืองที่มีทั้งคนชอบ และไม่ชอบ แต่เรายืนยันว่า ทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ต่อไปอาจจะไม่มีการแจ้งหมายงานต่อสื่อมวลชนล่วงหน้า เพราะไม่อยากให้เกิดการปะทะกัน

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า นายพิธา เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่นโยบายของพรรคบางเรื่องไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมไทย โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 112 กระทบใจคนไทยมาก ซึ่งนายพิธา ก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าทำเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องความเหมาะสมก็เรื่องหนึ่ง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ค. 66)

Tags: , , , , , ,
Back to Top