นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น(SUPER) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปี 66 จะเติบโต 10% แตะ 10,000-11,000 ล้านบาท เนื่องจากครึ่งปีหลังจะมีโครงการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ได้แก่ โครงการพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์กับมหาวิทยาลัยมหิดล กำลังการผลิต 14 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศเวียดนาม “Soc Trang” กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์
บริษัทยังคงให้ความสำคัญในการขยายงานโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต พร้อมมองหาโอกาสการลงทุนควบคู่กัน ซึ่ง SUPER มีทั้งโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมทั้งในและต่างประเทศ โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคาร (โซลาร์รูฟท็อป) และโครงการการขยายงานสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน( Private PPA) และโครงการ SPP HYBRID สนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 บริษัทมีรายได้รวม 2,718.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 220.57 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9 % เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 515.40 ล้านบาท
สาเหตุที่รายได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากการรับรู้รายได้โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ โครงการ SPP Hybrid กำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์ที่ COD ไปเมื่อวันที่ 20 ม.ค.66 รายได้จากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม เกิดจากค่าความเข้มแสงเพิ่มขึ้น ภายใต้กำลังการผลิตตามปริมาณเสนอขายตาม PPA รวม 836.72เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมมีความเร็วลมเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อน
นอกจากนี้ยังมีรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะ โครงการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนแบบครบวงจร จังหวัดหนองคาย กำลังการผลิต 6 เมกะวัตต์ ที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์เมื่อปลายปีก่อน รวมทั้งรายได้ค่าไฟระบบ Adder มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 29.67 ล้านบาท จากค่า FT ที่เพิ่มขึ้นช่วงเดือนม.ค.-มี.ค.66
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ค. 66)
Tags: SUPER, จอมทรัพย์ โลจายะ, ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น, หุ้นไทย