บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) แจ้งว่ากลุ่มบริษัทจะใช้เงินลงทุน 518.87 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนซื้อสิทธิโครงการพลังงานลม 2 แห่งในเวียดนาม มีกำลังการผลิตรวม 100 เมกะวัตต์ (MW) โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนต.ค.64 ขณะที่ทั้ง 2 โครงการจะเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 20 ปี อัตรารับซื้อไฟฟ้า (FIT) ที่ 0.085 เหรียญสหรัฐ/หน่วย
EP ระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 7 ส.ค.อนุมัติให้บริษัท EPVN W2 (HK) Company Limited (EPVN W2) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมจดทะเบียนในฮ่องกง เข้าซื้อหุ้น 90% ในบริษัท Chu Prong Gia Lai Wind Power Joint Stock Company (Project Company TN) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ Che bien Tay Nguyen Wind Power Plant Project (โครงการ TN) ที่มีขนาดกำลังการผลิตเท่ากับ 50 เมกะวัตต์ โดยมีมูลค่าซื้อขายหุ้น 7.86 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 245.78 ล้านบาท
อนุมัติให้ EPVN W2 เข้าซื้อหุ้น 100% ในบริษัท Chu Prong Gia Lai Wind Energy Joint Stock Company (Project Company MN) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ Phat Trien Mien Nui Wind Power Plant Project (โครงการ MN) ที่มีขนาดกำลังการผลิตเท่ากับ 50 เมกะวัตต์ โดยมีมูลค่าซื้อขายหุ้น 8.75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 273.09 ล้านบาท
การชำระค่าซื้อขายหุ้นจะดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับก่อน ซึ่งมีทั้งหมด 5 ระยะ โดยคาดว่าวันที่ทำธุรรมเสร็จสมบูรณ์จะอยู่ภายในวันที่ 30 ต.ค.64
ทั้งนี้ ขนาดรายการตามที่คณะกรรมการอนุมัติเป็นเพียงการเข้าซื้อหุ้นใน Project Company TN และ Project Company MN เท่านั้น เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิในการซื้อขายไฟฟ้าทั้ง 2 ฉบับ โดยยังไม่มีมติอนุมัติในส่วนของสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้า (EPC Contracts) แต่อย่างใด เนื่องจากมูลค่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้ามีมูลค่าค่อนข้างสูง และมีรายละเอียดที่ต้องศึกษาพร้อมเงื่อนไขต่าง ๆ ของสัญญาค่อนข้างมาก ทำให้มีความไม่แน่นอนของมูลค่าในการเข้าลงทุนโครงการดังกล่าว
อย่างไรก็ตามถ้าในอนาคตคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติในส่วนของการก่อสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าวแล้ว บริษัทจะนำมูลค่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้ามาคำนวณรวมกับมูลค่าการซื้อขายหุ้นดังกล่าว และจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อไป
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ ของ EP กล่าวว่า การเข้าซื้อหุ้นในโครงการ TN และโครงการ MN ในจังหวัด Gia Lai มีกำลังการผลิตรวม 100 เมกะวัตต์ คาดว่าเมื่อจ่ายไฟฟ้าแล้ว จะสามารถเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทได้อีกปีละกว่า 740 ล้านบาท และมีผลตอบแทนจากการลงทุน (Equity IRR) กว่า 15%
“การลงทุนโครงการลมเพิ่มในครั้งนี้ ถือว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจากการบุกเบิกของบริษัท ที่ได้ประสบความสำเร็จในการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนในประเทศเวียดนาม เมื่อ 2 ปีก่อน และคาดว่าในเร็ว ๆ นี้ ก็จะสามารถปิดการลงทุนได้อีกหลายโครงการ ที่สำคัญคือ การลงทุนดังกล่าว จะทำให้บริษัทสามารถเปิดประตูการลงทุนอื่น ๆ ต่อไปได้อีกในอนาคต และจะช่วยสนับสนุน เพิ่มศักยภาพการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง” นายยุทธ กล่าว
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 63 บริษัทมั่นใจว่าวิกฤติเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากผลกระทบของโรคไวรัสโควิด-19 จะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ แก่บริษัทอย่างแน่นอน โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 40% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,103.73 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้ที่แน่นอนจากธุรกิจโรงไฟฟ้า และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเชื่อว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตสูงอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ส.ค. 63)
Tags: EP, พลังงานลม, ยุทธ ชินสุภัคกุล, หุ้นไทย, อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป, โรงไฟฟ้า