โปรไลฟ์ พลัส ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 110 ล้านหุ้น-เข้า mai ใช้ขยายลงทุนธุรกิจสื่อโฆษณา

บมจ.โปรไลฟ์ พลัส (PLP) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 110,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 28.20% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้ (par) 0.50 บาท/หุ้น และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจ (sector) บริการ โดยมี บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

วัตถุประสงค์การใช้เงิน 1.ลงทุนฐานการผลิตและพัฒนาสินค้าสื่อโฆษณาออฟไลน์ให้มีประสิทธิภาพและมีความทันสมัย 2) เพิ่มจุดติดตั้งป้ายดิจิทัล LED และเพิ่มจุดติดตั้งป้าย (Static) โฆษณาตำแหน่งที่มีศักยภาพ 3) พัฒนาและต่อยอด Software และ Platform Online และ 4) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ

PLP ประกอบธุรกิจการให้บริการงานด้านโฆษณาแบบครบวงจร (One Stop Service Solution) โดยมีธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ ได้แก่

(1) ธุรกิจผลิตสื่อโฆษณาครบทุกประเภท ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ ผลิตชิ้นงานจนถึงส่งมอบบริการ ทั้งสื่อโฆษณากลางแจ้ง (Outdoor) และ สื่อโฆษณาในร่ม (Indoor) และงานอีเว้นท์ โดยเน้นการสื่อสารที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด ปัจจุบัน สื่อโฆษณาที่ให้บริการในธุรกิจผลิตสื่อโฆษณา แบ่งตามประเภทการผลิตและบริการ ได้ดังนี้ ไวนิลแบนเนอร์ (Vinyl Banner), ป้ายโฆษณาชั่วคราว (Directional Signage), บริการโฆษณาประเภทงานอีเว้นท์ (Event) และ 4) ป้ายอื่นๆ (Accessories Media)

(2) ธุรกิจขาย รับสร้างและให้บริการเช่าสื่อโฆษณา

– ธุรกิจรับสร้างและให้เช่าโครงป้าย/พื้นที่สำหรับติดตั้งป้ายโฆษณากลางแจ้ง (Outdoor) ให้บริการต่อเนื่องจากธุรกิจผลิตสื่อโฆษณา โดยบริษัทจะช่วยจัดหาพื้นที่ในทำเลที่ลูกค้าต้องการ ปรับรูปแบบและขนาดโครงป้าย รวมถึงวิเคราะห์ตำแหน่งพื้นที่ติดตั้งป้ายโฆษณาในทำเลนั้นๆ ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของการโฆษณา

– ธุรกิจสื่อโฆษณาดิจิทัล (Digital Development) ให้บริการป้ายโฆษณาดิจิทัล (Digital Media) ได้แก่ ป้ายโฆษณา LED ทั้งประเภทกลางแจ้ง (Outdoor) และในร่ม (Indoor) รวมถึงป้าย Digital Signage ซึ่งมีทั้ง Touch Screen และ Non Touch Screen โดยสามารถนำมาเชื่อมต่อกับ Application เพื่อให้ลูกค้าควบคุมการนำเสนอ Content โฆษณา รวมถึงใช้งาน Function ต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย เช่น การตั้งเวลาเปลี่ยน Content การตรวจสอบสถานะการนำเสนอ Content การตรวจสอบการแสดงผลระยะไกล การแจ้งเตือนสถานะของอุปกรณ์ เป็นต้น อีกทั้งยังมีบริการเสริมให้กับลูกค้าทั้ง ออกแบบ Artwork และ Preventive Maintenance

(3) ธุรกิจให้บริการสื่อโฆษณาออนไลน์ ด้วยการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ผ่านแฟนเพจ (Fan page) ของบริษัทบนแพลตฟอร์ม (Platform) ยอดนิยม เช่น Facebook, IG และ TikTok รวมถึงผ่าน Website ของบริษัท 4 เพจ ได้แก่ 1) inside2home 2) นักสืบอสังหา 3) ชีวิตติดรถไฟฟ้า และ 4) Beauty Living นอกจากนี้ยังมีบริการ Online Media Agency วางกลยุทธ์ด้าน Digital Marketing ทั้งให้คำปรึกษา การวางแผนการตลาดออนไลน์ และกลยุทธ์ซื้อสื่อโฆษณาออนไลน์ให้ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการ ผลิต และออกแบบภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวตามโจทย์ที่ได้รับจากทางลูกค้า

นอกจากการให้บริการสื่อออนไลน์ บริษัทอยู่ในช่วงระหว่างการพัฒนา Platform “All living” ซึ่งเป็น Platform Online ในการให้บริการพื้นที่ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์มือหนึ่ง มือสอง และสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด เป็นการสร้างคอมมูนิตี้ออนไลน์แห่งใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งบริษัทมีแผนจะเริ่มการเปิดให้บริการ Platform ดังกล่าวในช่วงไตรมาส 3/66

บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการดำเนินธุรกิจดังต่อไปนี้

  • พัฒนาสินค้าและบริการสื่อโฆษณาให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร และเป็นที่น่าจดจำ ทำให้สามารถสร้างยอดขายและกำไรให้บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง
  • เป็นผู้นำในการให้สินค้าและบริการสื่อโฆษณาในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ภายใน 2 – 3 ปี
  • ขยายสินค้าและบริการสื่อโฆษณาไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น

บริษัทกำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจและองค์กร ด้วยการพัฒนาและขยายสินค้าสื่อโฆษณากลางแจ้ง( Out of Home )และเสริมความแข็งแรงของธุรกิจด้วยสื่อโฆษณาดิจิทัล (Digital Out of Home), กลยุทธ์ O2O ผสมผสานการทำงานร่วมกันระหว่างสื่อโฆษณาออฟไลน์และสื่อโฆษณาออนไลน์ด้วยการดึงจุดเด่นของแต่ละสื่อโฆษณาแต่ละประเภท อาทิเช่น สื่อโฆษณาป้ายโครงการเปิดใหม่ (สร้างการรับรู้ให้กับคนในพื้นที่หรือสัญจรไปมา) ร่วมกับเพจของบริษัทฯ (สร้างการรับรู้บนโลกออนไลน์), เชื่อมต่อสื่อออนไลน์และออฟไลน์ ผ่าน Application ให้ป้ายโฆษณาอัจฉริยะเพิ่มมากขึ้น

พร้อมทั้ง พัฒนา Platform All Living ซื้อ/ขายอสังหาริมทรัพย์มือหนึ่ง มือสอง และสินค้าอื่น ๆ ให้ตอบโจทย์การใช้งานอย่างต่อเนื่อง, Market Development ขยายสินค้าและบริการที่มีอยู่ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ เช่น กลุ่ม F&B (Food and Beverage), กลุ่มสินค้า Model Trade และ Market Penetration ขยายไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่เคยใช้บริการ

โครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 21 เม.ย.66 นายทัตเทพ วณิชสกุลชัย ถือหุ้น 168,000,000 หุ้น คิดเป็น 60.00% หลัง IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 43.08% นางเบญญาดา รุ่งโรจน์ 98,000,000 หุ้น คิดเป็น 35.00% จะลดเหลือ 25.13% นายณธีพัฒน์ วณิชสกุลชัย 14,000,000 หุ้น คิดเป็น 5.00% จะลดเหลือ 3.59%

ผลประกอบการในช่วงปี 63-65 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการ 360.27 ล้านบาท 342.23 ล้านบาท และ 434.45 ล้านบาท ตามลำดับ กำไรสุทธิ 92.36 ล้านบาท 81.67 ล้านบาท และ 88.40 ล้านบาท ตามลำดับ อัตราส่วนกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) 25.59% 23.81% และ 20.33% ตามลำดับ

ณ วันที่ 31 ธ.ค.65 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 268.42 ล้านบาท หนี้สินรวม 94.19 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 174.23 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและจัดสรรเงินทุนสำรองต่างๆ ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top