K งานไหลเข้าต่อเนื่องมั่นใจรายได้ Interiors ส่อแววแตะ 150 ลบ.หนุนเทิร์นอะราวด์

นายวงศกร พิเศษสิทธิ์ ผู้จัดการด้านสื่อสารองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ (K) เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้รับงานใหม่ จากกลุ่มบริษัท มิราเคิล ซึ่งเป็นงานตกแต่งภายใน (Interiors) เลานจ์ ในสนามบินสุวรรณภูมิ ภายในโครงการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1 : SAT-1) มูลค่า 65 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 5 เดือน (พฤษภาคม-กันยายนนี้) ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.66 และจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาทันทีในไตรมาส 2/66

นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้รับงาน Interiors ร้านค้าขนาดกลาง ภายในศูนย์การค้าเข้ามา 2 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบงานและรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2-3/66 นี้ด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ในไตรมาส 2/66 บริษัทฯจะเริ่มรับรู้รายได้จากกลุ่มงาน Interiors เข้ามาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างโดดเด่น

ขณะเดียวกันในช่วงเดือนกันยายนนี้ บริษัทฯได้รับงานตกแต่งภายในของโรงแรมแห่งหนึ่ง มูลค่ากว่า 42 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้ ประมาณ 16 ล้านบาท ส่วนรายได้ที่เหลือจะรับรู้ต่อเนื่องในปี 67

“บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้จากกลุ่มงาน Interiors ในปีนี้ไว้ที่ระดับ 150 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้รับงานตกแต่งเลานจ์ ในสนามบินสุวรรณภูมิ, ตกแต่งโรงแรม และงานตกแต่ร้านค้าภายในศูนย์การค้า คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 120 ล้านบาทแล้ว อีกทั้ง บริษัทฯยังมีตกแต่งร้านค้าขนาดเล็กที่มีมูลค่า1-5 ล้านบาทต่อโครงการเข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่วนถึงยังมีงานที่อยู่ระหว่างการติดตาม ซึ่งเป็นงานตกแต่งภายในอาคารสำนักงาน มูลค่า 20 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ในเร็วๆนี้ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทฯมั่นใจว่าในปีนี้รายได้จากกลุ่มงาน Interiors จะเติบโตตามเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอน”

สำหรับแผนการเติบโตดังกล่าว สอดรับกับการเน้นกลยุทธ์ในส่วนงาน Interiors โดยลดขนาดงานลง หันมาเน้นรับงานระยะสั้น-ระยะกลางมากขึ้น รูปแบบ Micro Management รวมถึงจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นระดับลักซ์ชัวรี่ (Luxury) มากขึ้น เนื่องจากมองว่างานประเภทดังกล่าว อยู่ในกรอบระยะเวลาในการการดำเนินงานไม่นานเกินไป ซึ่งสามารถหมุนรอบของกระแสเงินสดที่ไวและมีมาร์จิ้นที่ดี

ส่วนงาน Exhibition ประเภท Pop-Up Store (การตั้งร้านชั่วคราวตามจุดพื้นที่ที่มี traffic) นั้น ปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้า 2 ราย ซึ่งแบรนด์ลักซ์ชัวรี่ (Luxury) มีมูลค่างานเฉลี่ยประมาณ 50-60 ล้านบาทต่อราย โดยคาดว่าจะสามารถสรุปดีลได้ในเร็วๆนี้

ปัจจุบันบริษัทฯมี Backlog แล้วกว่า 560 ล้านบาท และในช่วงระยะเวลาที่เหลือบริษัทมีแนวโน้มจะได้รับงานใหม่ๆเข้ามาอีกไม่ต่ำกว่า 290 ล้านบาท ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าในปี 66 K จะกลับมาเทิร์นอะราวด์ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งบริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตแตะ 840 ล้านบาท จากสัดส่วนรายได้ 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มงาน Interiors ประมาณ 150 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 15-20% ของรายได้รวม และกลุ่มงาน Exhibition (เอ็กซิบิชั่น) รวมถึงงาน Event (อีเว้นท์) ประมาณ 690 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 80-85% ของรายได้รวม

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top