สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 217 ต่อ 215 ผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงมาตรการปรับลดการใช้จ่ายในช่วง 10 ปีข้างหน้า
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวอาจจะไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา และประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะใช้สิทธิ์วีโต (veto) เพื่อคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวหากผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา
อย่างไรก็ตาม การที่ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรก็ถือเป็นชัยชนะของนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยนายแมคคาร์ธีคาดหวังว่าจะสามารถโน้มน้าวปธน.ไบเดนให้เข้าร่วมการเจรจาเพื่อปรับลดการใช้จ่าย แม้ว่าทำเนียบขาวและสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสยืนกรานว่าต้องการให้ปรับเพิ่มเพดานหนี้โดยไม่มีเงื่อนไขอื่น ๆ พ่วงเข้ามาด้วย
กระทรวงการคลังสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้ตลาดการเงินเผชิญกับความปั่นป่วน โดยในปี 2554 เคยเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งเรื่องเพดานหนี้ในสภาคองเกรส จนเป็นเหตุให้สหรัฐถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังทำให้ต้นทุนการกู้ยืมพุ่งสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อการลงทุนอย่างรุนแรง
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนว่า หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลและนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับหายนะ และจะยิ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นในช่วงหลายปีข้างหน้า
ทั้งนี้ เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาล และการใช้จ่ายอื่น ๆ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 เม.ย. 66)
Tags: ประธานาธิบดี, สภาผู้แทนราษฎร, สหรัฐ, เพิ่มเพดานหนี้, โจ ไบเดน