หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้ายังถูกกดดันจากบรรยากาศลงทุนในตปท. หลัง FRB อาจถูกลดเรทติ้ง-น้ำมันร่วง

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังถูกกดันจากบรรยากาศการลงทุนในต่างประเทศ หลังล่าสุด ธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (First Republic Bank) หรือ FRB อาจโดนปรับลดเรทติ้ง ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐของสหรัฐได้ กระทบต่อราคาหุ้นปรับตัวลงต่อเนื่อง แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 2 วันติดต่อกัน รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ให้แนวรับไว้ที่ 1,530-1,520 จุด และแนวต้าน 1,550-1,555 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังคงถูกกดดันจากบรรยากาศการลงทุนในต่างประเทศ หลังล่าสุดสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า หน่วยงานกำกับดูแลภาคธนาคารของสหรัฐกำลังพิจารณาปรับลดเรทติ้ง ธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (First Republic Bank) หรือ FRB ส่งผลทำให้จะจำกัดความสามารถของ FRB ในการกู้ยืมเงินจากโครงการของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือไม่สามารถเข้าถึงเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐของสหรัฐได้ ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงต่อเนื่อง แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 2 วันติดต่อกัน

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวลงต่อเนื่องราว 3-4% ปิดต่ำสุดในรอบ 1 เดือน จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และผลกระทบของการที่ธนาคารกลางหลายแห่งเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงานวันนี้ด้วย

ให้แนวรับไว้ที่ 1,530-1,520 จุด และแนวต้าน 1,550-1,555 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (26 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,301.87 จุด ลดลง 228.96 จุด หรือ -0.68%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,055.99 จุด ลดลง 15.64 จุด หรือ -0.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,854.35 จุด เพิ่มขึ้น 55.19 จุด หรือ +0.47%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,340.59 จุด ลดลง 75.88 จุด หรือ -0.27%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,736.35 จุด ลดลง 20.92 จุด หรือ -0.11% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,256.23 จุด ลดลง 7.87 จุด หรือ -0.24%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 เม.ย.66) 1,543.95 จุด เพิ่มขึ้น 3.75 จุด (+0.24%) มูลค่าการซื้อขาย 42,479.54 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,437.22 ลบ. เมื่อวันที่ 26 เม.ย.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 2.77 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 74.30 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 เม.ย.) อยู่ที่ 3.02 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.13 แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับส่งออกดีเกินคาด-เงินไหลเข้าหนุน

– คลัง หั่นจีดีพีปี 66 เหลือ 3.6% ส่งออกติดลบ 0.5% เซ่นพิษเศรษฐกิจโลก ฮึ่มพรรคการเมืองปูดนโยบายใช้เงินมือเติบ หวั่นแหกคอกกู้กลายเป็นภาระลูกหลาน ด้าน สอท.มั่นใจยอดผลิตรถยนต์ปีนี้ฉลุย 1.95 ล้านคัน

– “พาณิชย์” กางยอดส่งออกเดือน มี.ค.66 ติดลบ 4.2% ทรุดต่อเนื่อง 6 เดือนติด ฟุ้งสินค้าเกษตรยังแจ่ม จ่อถกเอกชน-ทูตพาณิชย์เข็นส่งออกทั้งปีโตตามเป้า 1-2% ด้าน “คลัง” การันตีครึ่งปีหลังฟื้นแน่

– รมว.คลัง ชี้การปรับลดประมาณการเศรษฐกิจของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เหลือ 3.6% เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และการส่งออกของไทยที่ลดลงติดลบ 0.5% แต่มีภาคการท่องเที่ยวและบริการมาช่วยพยุงขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว โดยคาดการณ์ช่วงครึ่งปีหลัง ส่งออกจะเริ่มดีขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคต่างประเทศเริ่มกลับมาซื้อสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้น

– สกนช.ลุ้น “เฟด” ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ชี้ชะตาปรับลดราคาดีเซลรอบที่ 5 แย้มเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 5.74 บาทต่อลิตร จากติดลบสูงสุด 1.3 แสนล้าน ล่าสุดเหลือติดลบ 8.5 หมื่นล้าน ดีเดย์เดือน พ.ค.กู้เงินเสริมสภาพคล่องอีก 2 หมื่นล้าน พร้อมชง 3 แนวทาง รับมือลดภาษีดีเซลครบกำหนด 20 ก.ค.66

 

หุ้นเด่นวันนี้

 

– PLT (ดาโอ) ให้ราคาเป้าหมาย 2 บาท หุ้น บมจ.พีลาทัส มารีน หรือ PLT เข้าเทรดวันนี้วันแรก เป็นผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ทางเรือและทางรถ ซึ่งธุรกิจยังมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว จากที่บริษัทมีสัญญากับลูกค้าที่มีระยะเวลายาว 15 ปี และมีโอกาสขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะเวียดนามที่ PLT ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และคาดกำไรปี 66 เพิ่มขึ้น 60% จากปีก่อน หรือมาอยู่ที่ 100 ล้านบาท

– ADVANC (กรุงศรี พัฒนสิน) แนะ “ซื้อ” เป้าหมาย 250 บาท แนวโน้มกำไรกลับสู่ทิศทางขาขึ้น โดยจะเริ่มเห็นตั้งแต่ไตรมาส 1/66 โดยคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 2% QoQ และ 7% YoY จากฐานของผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันในธุรกิจที่ลดลง

– PTG (กสิกรไทย) แนะ “ซื้อ” เป้าหมาย 16.20 บาท คาดอตากำไรน้ำมันจะทรงตัวที่ระดับปัจจุบัน เนื่องจากกองทุนน้ำมันมีโอกาสกลับเข้าสู่โหมดสมดุลในอีก 3 เดือนข้างหน้า และแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลง ทำให้ส่วนต่างน้ำมันดีขึ้น ประกอบกับดีมานด์ที่แข็งแกร่ง ทำให้ในไตรมาส 1/66 คาดว่ากำไรจะเริ่มกลับเข้าสู่ระดับปกติ และคาดว่ามีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในไตรมาส 2/66







โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 เม.ย. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top