BIOTEC ปรับกลยุทธ์เชิงรุกต่อยอดกลีเซอรีน-จ่อลุยตลาดแบตลิเธียมหนุนรายได้ปี 66 โต 20%

นายรุ่งนิรันดร์ ตั้งสุรกิจ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไบโอ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค (BIOTEC) เปิดเผยว่า แผนกลยุทธ์ทางธุรกิจในปี 66 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4,455 ล้านบาท และมีกำไรสูงอยู่ที่ 163 ล้านบาท

แผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทเดินหน้าปรับกลยุทธ์แบบเชิงรุกในส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และกลีเซอรีน โดยมีการพัฒนาต่อยอดในส่วนธุรกิจด้านกลีเซอรีน เนื่องจากเล็งเห็นว่าผลิตภัณฑ์กลีเซอรีนบริสุทธิ์มีความต้องการใช้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะ จีน เกาหลี ไต้หวัน เป็นต้น เพราะกลุ่มประเทศดังกล่าวต้องการนำไปใช้ผสมในกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์

บริษัทจึงสบช่องทางต่อยอดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเพื่อเพิ่มมาร์จิ้นและสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต เพราะเมื่อนำกลีเซอรีนดิบเข้าสู่กระบวนการกลั่นออกมาเป็นกลีเซอรีนบริสุทธิ์ เพื่อจำหน่ายสำหรับใช้เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารเคมี อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร เวชภัณฑ์ เครื่องสำอางค์ สบู่ จะสามารถสร้างเพิ่มมูลค่ากลีเซอรีนบริสุทธิ์ได้สูงขึ้นกว่า 3 เท่าตัว จากเดิมที่จำหน่ายกลีเซอรีนดิบได้ในราคาต่ำ

นอกจากนี้ บริษัทได้สยายปีกต่อยอดธุรกิจสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยล่าสุด ศึกษาการลงทุนในโครงการพัฒนาและนำเข้าลิเธียมแบตเตอรี่ ประเภท Solid-state battery เพื่อเป็นระบบอุปกรณ์กักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์สำหรับการใช้งานในภาคครัวเรือน รวมถึงสถานีชาร์ตสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าตามสถานีน้ำมัน และในอนาคตจะร่วมกันศึกษาในเฟส 2 ในความร่วมมือก่อสร้างโรงงานประกอบชิ้นส่วน Battery Energy Storage ในประเทศไทย

“การที่บริษัทฯลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่มีการมุ่งเน้นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด แทนการพึ่งพิงกระบวนการผลิตแบบเดิมจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นการลดภาระค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านพักอาศัยให้มีราคาต่ำลง ที่สำคัญ ยังสนับสนุนเป้าหมายบริษัทฯเติบโตและพัฒนาสู่ความยั่งยืนในระยะยาว เนื่องจากการเข้าไปลงทุนดังกล่าวเป็นการกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบในอุตสาหกรรมไบโอดีเซล รวมถึงลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการแทรกแซงของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอนาคต”

ขณะที่ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 มีมติอนุมัติให้บริษัทจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 1,018,600,762 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 3 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 2 (BIOTEC-W2) พร้อมทั้งอนุมัติให้ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯครั้งที่ 2 (BIOTEC-W2) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 1,018,600,762 หน่วย ตามสัดส่วนการจัดสรรในอัตรา 3 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิฯ และ 3 หุ้นบุริมสิทธิเดิม ต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิฯ

“สำหรับผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ BIOTEC-W2 สามารถใช้สิทธิแปลงทั้งจำนวนได้ทุกวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ,เดือนมิถุนายน ,เดือนกันยายน และ เดือนธันวาคม ตามอายุไม่เกิน 2 ปี 10 เดือน นับแต่วันที่ออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยมีอัตราการใช้สิทธิ เท่ากับ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อหุ้นสามัญ 1 หุ้น และราคาการใช้สิทธิ 0.50 บาท”

นอกจากนี้ ได้อนุมัติออกและเสนอขายหุ้นกู้ ในวงเงินรวมไม่เกิน 1,000 ล้านบาทเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัทฯ และบริษัทในเครือ หรือใช้เพื่อเข้าลงทุนเพิ่มเติมบริษัทในเครือ หรือในธุรกิจอื่น ๆ สำหรับหุ้นกู้ดังกล่าวมีอายุไม่เกิน 5 ปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 เม.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top