หวั่นยอดโควิดพุ่งหลังสงกรานต์ สธ.แนะสังเกตอาการก่อนกลับเข้าทำงาน

นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ยอดผู้ป่วยโควิด-19 ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ 9-15 เม.ย. 66 พบว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในโรงพยาบาล จำนวน 435 คน เฉลี่ยวันละ 62 คน เพิ่มขึ้นเป็น 7 เท่าจากสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 2-8 เม.ย. 66 ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 168 คน เฉลี่ยวันละ 24 คน

ทั้งนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตปกติ หลังห่างหายจากเทศกาลสงกรานต์มานาน การเดินทางไปท่องเที่ยว กลับภูมิลำเนา รวมทั้งสถานประกอบการ สถานบันเทิง มหกรรมรื่นเริงกลับมาคึกคักอีกครั้ง ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นด้วย และอาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ประกอบกับการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์โควิด XBB.1.16 ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะที่ประเทศอินเดีย สำหรับในประเทศไทยมีรายงานพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้ จำนวน 6 ราย ทั้งนี้ เชื้อสายพันธุ์โควิด XBB.1.16 มีความสามารถในการติดต่อสูงกว่าเชื้อสายพันธุ์อื่น แต่ไม่ได้มีอาการรุนแรงอื่นๆ เพิ่มเติม

นพ.สราวุฒิ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข จึงเตรียมความพร้อมรับมือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยอาการของโรค ผู้ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการแต่ไม่รุนแรง จะได้รับการรักษาตามอาการ และกลับไปรักษาต่อที่บ้านได้

สำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง และโรคประจำตัว จะได้รับการวินิจฉัยให้ยาต้านไวรัสตามความเหมาะสม แต่จะเฝ้าระวังเป็นพิเศษในกลุ่มผู้ที่มีปอดอักเสบรุนแรง และมีภาวะพร่องออกซิเจน (Hypoxia) ร่วมด้วย จากข้อมูลวันที่ 8 เม.ย. 66 พบผู้ป่วยปอดอักเสบ 19 คน และใส่ท่อช่วยหายใจ 14 คน

ในส่วนของผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีความเสี่ยงที่อยู่บ้าน อาจได้รับการแพร่เชื้อจากบุคคลในครอบครัวที่เดินทางมาเยี่ยมตามประเพณี หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ให้รีบปรึกษาเจ้าหน้าที่ทางสาธารณสุขทันที

กรมอนามัย ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังตนเอง โดยสังเกตอาการ หากไอ เจ็บคอ มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ หายใจลำบาก ให้ตรวจ Antigen Test Kit (ATK) เพื่อความมั่นใจ รวมทั้งสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เมื่อกลับเข้าไปทำงาน และล้างมือเป็นประจำ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพราะหากเกิดการระบาดเป็นวงกว้าง อาจส่งผลต่อการทำงาน ผู้บังคับบัญชา หรือหัวหน้างานอาจพิจารณาให้พนักงานที่ป่วยทำงานที่บ้าน

สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายเป็นระยะเวลา 4 เดือน สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ซึ่งสามารถลดอาการรุนแรงของโรค และป้องกันการเสียชีวิตได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 เม.ย. 66)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top