นายจู หมิน รองประธานศูนย์แลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของจีนเปิดเผยว่า ธนาคารขนาดเล็กของจีนประสบปัญหา แต่ไม่ได้มีความเสี่ยงเหมือนกับธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank) หรือ SVB ของสหรัฐที่ล่มสลายลงแต่อย่างใด
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานในวันนี้ (31 มี.ค.) ว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธนาคารขนาดเล็กของจีนจำนวนหนึ่งได้ประสบกับปัญหาต่าง ๆ โดยธนาคารเป่าจางประสบภาวะล้มละลาย ส่วนธนาคารท้องถิ่นหลายแห่งในมณฑลเหอหนานได้ทำการอายัดบัญชีของลูกค้า ส่งผลให้เกิดการประท้วงในกลุ่มลูกค้าที่กังวลเรื่องเงินฝากของตน
นายจูกล่าวว่า ปัญหาของธนาคารเหล่านั้นสะท้อนถึงปัญหาในระดับท้องถิ่น โดยชี้ให้เห็นว่าแม้ว่าโครงสร้างและการดำเนินงานของธนาคารเหล่านั้นจะไม่ชัดเจน แต่ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง และหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลของจีนเข้ามาดำเนินการราว 3 – 4 ปี สถานการณ์ต่าง ๆ ก็ดีขึ้น
สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ 5 แห่งของจีนนั้นมีรัฐบาลกลางเป็นเจ้าของและถูกจัดอยู่ในกลุ่มธนาคารใหญ่ที่สุดของโลก
ในทางกลับกัน กรณีของธนาคาร SVB สะท้อนถึงความเสี่ยงในระดับมหภาค โดยนายจูกล่าวว่าธนาคารขนาดกลางของสหรัฐมีเงินทุนที่เพียงพอและมีสภาพคล่องในช่วงก่อนที่จะล่มสลาย ซึ่งความเสี่ยงในระดับมหภาคนั้นเป็นปัญหาที่น่ากังวลมากกว่า โดยวิกฤตการณ์ธนาคารในสหรัฐเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงเชิงโครงสร้างจากการที่ลูกค้าแห่ถอนเงินออกเพื่อไปฝากกับธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่า
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างร้อนแรงเพื่อพยายามต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบหลายทศวรรษ เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 มี.ค. 66)
Tags: SVB, จีน, จู หมิน, ธนาคารจีน, ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์, ธนาคารล้ม, เศรษฐกิจระหว่างประเทศ