ภาคธุรกิจอิสราเอลหวั่นถูกกระทบจากวิกฤตการเมือง วิตกนักลงทุนหนีหาย

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองในอิสราเอลได้สร้างความวิตกต่อภาคธุรกิจในประเทศ เนื่องจากกิจการส่วนใหญ่มีรายได้หลักมาจากสหรัฐ, ยุโรป และเอเชีย

เมื่อวันจันทร์ (27 มี.ค.) นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวว่าเขาจะเลื่อนการออกกฎหมายปฏิรูปศาลออกไป ซึ่งเป็นกฎหมายที่อนุญาตให้ฝ่ายบริหารมีอำนาจในการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลฎีกา และให้สภาอิสราเอล หรือ Knesset สามารถลบล้างคำตัดสินของศาลด้วยเสียงข้างมากในรัฐสภา จนเกิดกระแสวิจารณ์ว่าเป็นการบ่อนทำลายการถ่วงดุลอำนาจและเป็นภัยคุกคามต่อระบอบประชาธิปไตยของประเทศ

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่าความอื้อฉาวจากแผนปฏิรูปศาลดังกล่าว “อาจบั่นทอนภาพรวมความน่าเชื่อถือของอิสราเอล” ด้านมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ก็ออกแถลงการณ์ในลักษณะเดียวกันว่า “แผนปฏิรูปที่เสนอมานั้นอาจบั่นทอนความเข้มแข็งของระบบตุลาการได้อย่างมีนัยสำคัญ อันเป็นการส่งผลลบต่อความน่าเชื่อถือ”

อย่างไรก็ดี ทั้งฟิทช์และมูดี้ส์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอลแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน นายโทเมอร์ ไวน์การ์เทน ซีอีโอของเซนทิเนลวัน (SentinelOne) ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ กล่าวว่า “ผมได้พูดคุยอยู่เนือง ๆ กับนักลงทุนที่อยากรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เสี่ยงขนาดไหน บอกเลยว่ามันกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่เขาไม่สบายใจที่จะลงทุน”

ทั้งนี้ เซนทิเนลวันมีพนักงานในอิสราเอล 300 คน และมีบริษัทร่วมทุน (Venture Capital) ในเครือที่มีการลงทุนในอิสราเอล โดยนายไวน์การ์เทนเผยว่าเขาอาจชะลอการลงทุนดังกล่าวเนื่องจาก “กลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้”

ธุรกิจบางแห่งในอิสราเอลวิตกว่า รัฐบาลฝ่ายขวาจะแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลฎีกาที่มีแนวคิดทางการเมืองไม่ตรงกับตน จนอาจส่งผลกระทบต่อเรื่องการเก็บภาษี สิทธิแรงงาน สิทธินักลงทุน และปัญหาใหญ่ ๆ ในเรื่องอื่น

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 มี.ค. 66)

Tags: , , , , , ,
Back to Top