นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. เขตคลองสามวา น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. เขตลาดกระบัง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวการแบ่งเขตเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในเขตพื้นที่ กทม.
นายวิชาญ ยืนยันว่าการแบ่งเขต กทม. แบบที่ 1 และ 2 จะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้เป็นเขตเลือกตั้งร่วมอำเภอต่างๆ เป็นเขตเลือกตั้ง ไม่ได้คำนึงถึงประชากร ยกตัวอย่าง กรณี เขตมีนบุรี เขตฝั่งธนบุรี ทำให้เกณฑ์ประชากรการเลือกตั้งมีความสับสนวุ่นวาย เขตเดียวแต่มีการแบ่งแขวง ซึ่งจะสร้างความสับสนให้กับผู้อำนวยการเขต ข้าราชการ ที่จะต้องไปดูแลในพื้นที่การเลือกตั้งด้วย
“การจัดแบบนี้จะทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น จะทำให้บัตรเสียเยอะที่สุด การแบ่งเขตแบบที่ 1-2 หากมีคนไปร้องเรียนแล้วประกาศผลการเลือกตั้งไม่ได้ การเลือกตั้งอาจจะกลายเป็นโมฆะ ถ้าเกิดเช่นนี้ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งจะรับผิดชอบอย่างไร” นายวิชาญ กล่าว
นายจิรายุ กล่าวว่า พรรคไม่ได้ตีตนไปก่อนไข้ แต่เป็นการให้ข้อสังเกตต่อ กกต.ที่จะออกกฎระเบียบหลังจากนี้ โดยยกตัวอย่างเขตคลองสามวามี 5 แขวง วันนี้ 2 แขวงถูกผลักไปที่เขตหนองจอก ทั้งนี้การคิดคำนวณหน่วยเลือกตั้ง และการนับคะแนนหน่วยเลือกตั้ง กกต.ต้องทำให้ชัดเจนว่าจะนับคะแนนที่ไหน นอกจากนี้กรณีบัตรเสียจะเกิดปัญหาอย่างมาก จะเป็นการตัดสิทธิ์ประชาชน พรรคพร้อมลงในสนาม แม้เคยโดนเรื่องความไม่สะดวกในกติกาการเลือกตั้งมาตลอด 15 ปี
ที่ผ่านมา การเลือกผู้แทนราษฎรไม่มีเหตุผลกลใดที่จะต้องเปลี่ยนแปลงมากไปกว่านี้ ฝากไปถึง กกต. หากประกาศเป็นเช่นนั้นจริง ขอให้ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน และเน้นย้ำข้าราชการ ตำรวจ หรือส่วนงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน
“พรรคเพื่อไทยพร้อม ไม่ว่าท่านจะมัดมือ มัดแขน ปิดหู ปิดตา ล่ามโซ่เอาไว้ เราจะไปยืนในที่สว่าง ให้กับพี่น้องประชาชนใน กทม.เลือกทั้ง 33 เขต” นายจิรายุ กล่าว
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า เป็นความกังวลใจของผู้ที่ทำงานทางการเมืองส่งไปถึง กกต.กทม.ที่มีการแบ่งเขตการเลือกตั้งของกรุงเทพ 4 แบบ โดย กกต.เลือกแบบที่ 1 จาก 6 แบบ ซึ่งพรรคได้แสดงความคิดเห็นและพรรคการเมืองอื่นได้ส่งความคิดเห็นไป กกต.ให้เลือกแบบที่เหมาะสมและเป็นธรรมมากที่สุด
ล่าสุด กกต.ได้ออกแบบมาใหม่อีก 4 แบบ ถือเป็นกระบวนการที่อาจไม่ชอบมาพากล เป็นการแบ่งเขตแบบพิลึกพิลั่น หลักการแบ่งเขตควรจะเป็นไปตาม พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.2561 ตามมาตรา 29 ที่การแบ่งเขตจะต้องเป็นการรวมเขตที่เป็นเขตใหญ่ๆ เข้าด้วยกัน ยึดหลักการมีพื้นที่ติดต่อกัน เพื่อที่จะให้เกิดความสะดวกในการเดินทางของประชาชนและในการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งด้วย ไม่ใช่การรวมแขวงเข้าด้วยกัน มิเช่นนั้น ส.ส.จะกลายเป็น ส.ส.แขวงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อน ความลำบาก ความสับสนให้กับประชาชนที่จะต้องไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเป็นอย่างมาก
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเป็นช่องทางที่ผู้ที่ไม่มีความโปร่งใส หรือตั้งใจทุจริตการเลือกตั้งจะเกิดช่องโหว่ในการกระทำการนั้นๆ ได้ อย่างล่าสุดที่มีข่าวบัตรประชาชนใบเดียวแต่มีหลายรายชื่อ ซึ่งน่าสงสัยว่าเหตุใดเกิดขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตไปถึง กกต.แล้ว
การแบ่งเขตของ กกต.เข้าทางกลุ่มผู้มีอำนาจเป็นหลักหรือไม่ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น กกต.ยังกลับหลังทัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ ขอให้คิดถึงส่วนรวมของประชาชนส่วนใหญ่ให้มากกว่าคิดถึงประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง กกต.เป็นองค์กรอิสระที่จะต้องไม่อยู่ภายใต้อำนาจใดๆ การแบ่งเขตจะต้องเป็นไปโดยหลักของประชาชนที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด
“ขอให้ กกต.คำนึงถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอย่างสูงสุด สำหรับแบบที่พรรคเพื่อไทยเห็นว่ามีความเห็นและเป็นไปได้คือแบบที่ 3 แบบที่ 4 เรายังหวังว่า กกต.จะรับฟังความคิดเห็นเหล่านี้ หาก กกต.ยังไม่เห็นความสำคัญของประชาชน เราพร้อมที่จะลงการเลือกตั้งในกฎกติกาที่ กกต.กำหนด” น.ส.ธีรรัตน์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มี.ค. 66)
Tags: การเมือง, จิรายุ ห่วงทรัพย์, ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์, พรรคเพื่อไทย, วิชาญ มีนชัยนันท์, เลือกตั้ง