นายเอกราช พรรณสังข์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (AAI) เปิดเผยว่า แผนงานปี 66 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 8,300 ล้านบาท หรือเติบโตมากกว่า 15% จากปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงเล็กน้อยจากการเติบโตเฉลี่ยราว 18% ต่อปีในช่วงปี 62-65
หากมองการเติบโตแบ่งตามประเภทธุรกิจ ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกตั้งเป้ามีรายได้ 7,200 ล้านบาท หรือเติบโตมากกว่า 15 % จากการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 7,500 ตัน เมื่อเดือน ม.ค.66 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกรวม 49,500 ตันต่อปี ซึ่งช่วยลดแรงกดดันในกระบวนการผลิตของบริษัท ที่สำคัญยังเอื้อต่อการหาลูกค้ารายใหม่ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความต้องการมากโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา จากที่ลูกค้าเดิมมีแนวโน้มชะลอตัว โดยเดินหน้าขยายกำลังการผลิตต่อเนื่องที่กำหนดว่าภายในปี 68 กำลังการผลิตจะขยายตัวเป็น 82,000 ตัน
“การขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงน่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนช่วยเพิ่มยอดขาย และเพิ่มสัดส่วนลูกค้ารายใหม่ได้ต่อเนื่อง ประกอบกับคาดว่าจะมียอดขายจากการจำหน่ายผลิตสัตว์เลี้ยงจากแบรนด์ตัวเองที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญทั้งในประเทศไทยและประเทศจีน รวมทั้งการสร้างโอกาสทำตลาดในประเทศกลุ่มเอเชียและตะวันออกกลาง ขณะที่ตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจทูน่าอยู่ที่ 1,100 ล้านบาท หรือเติบโตจากปีก่อนที่ 12 % โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากค่าระวางเรือที่ลดลง และการขนส่งทางเรือกลับเข้าสู่ภาวะปกติ มีตลาดสำคัญคือตะวันออกกลาง” นายเอกราช กล่าว
นอกจากนั้น คาดว่าปี 66 บริษัทจะสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 19-20% ได้ เนื่องจากต้นทุนขอวัตถุดิบเริ่มมีทิศทางที่มีเสถียรภาพมากขึ้น อีกทั้งบริษัทเชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังมีสภาพคล่องเพียงพอต่อการขยายกำลังการผลิตและสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งที่ 2 ปีนี้ได้
สำหรับผลประกอบการปี 65 สร้างรายได้ 7,174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อนที่ทำได้ 5,057 ล้านบาท เช่นเดียวกับกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 34.4% โดยทำได้ 859 ล้านบาท เทียบกับปี 64 อยู่ที่ 653 ล้านบาท แต่อัตรากำไรสุทธิปรับลงเล็กน้อย 12.1% เทียบปีก่อน 12.8%
ทั้งนี้ รายได้ส่วนใหญ่เติบโตจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ตลาดมีความต้องการและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปในประเภทกลุ่มอาหารแมว ขณะที่อุปสงค์ของผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึกเริ่มกลับมาหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และค่าขนส่งสินค้าทางเรือปรับตัวลง ขณะที่ปริมาณการขายก็เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนรายได้ อยู่ที่ 44,210 ตัน จากปี 2564 อยู่ที่ 37,777 ตัน
อย่างไรก็ดี สัดส่วนรายได้จากอาหารสัตว์เลี้ยงปี 65 ได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 85% จากปี 64 อยู่ระดับ 82% และสัดส่วนรายได้ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึกอยู่ที่ 14% จากเดิม 17% ซึ่งถือว่าเป็นระดับสัดส่วนตามแผนกลยุทธ์ที่บริษัทฯ ตั้งไว้ และรายได้ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ยังเป็นการรับจ้างผลิต (OEM) อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกของลูกค้าชั้นนำในระดับสากล
ขณะที่สัดส่วนรายได้จากอาหารสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์สินค้าตัวเองอยู่ในระดับ 2.5% คิดเป็นรายได้ 152 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 64 ถึง 58% เนื่องจากบริษัทฯ มีการปรับกลยุทธ์การขายและมีการทำแผนการตลาดที่เข้มขึ้นในประเทศไทยเพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ ‘มองชู’ และ ‘ฮาจิโกะ’ โดยมีเป้าหมายระยะยาวเพิ่มสัดส่วนรายได้แบรนด์สินค้าตัวเองเป็น 10% ในอนาคตยังวางแผนเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อเพิ่มยอดขายต่อเนื่อง
ด้านธุรกิจอาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก ปริมาณการขายใกล้เคียงปีก่อนที่ 6,350 ตันโดยตลาดส่งออกใหญ่สุดคือธุรกิจทูน่าในกลุ่มประเทศตะวันออกลาง โดยรายได้จากการขาย 1,023 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่ 851 ล้านบาท
ส่วนไตรมาส 4/65 รายได้อยู่ที่ 1,707 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น 5% หรืออยู่ที่ 9,855 ตัน เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน 9,400 ตัน โดยเพิ่มขึ้นจากอาหารกลุ่มสัตว์เลี้ยงที่มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 15% แม้ช่วงปลายไตรมาสมีสัญญาณการชะลอตัวจากตลาดหลักทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรป ขณะที่รายได้จากอาหารพร้อมทานในภาชนะปิดผนึกลดลงเล็กน้อยตามปริมาณการขายเนื่องจากอุปสงค์จากประเทศซาอุดิอาราเบียและเยเมนลดลงและต้นทุนจากราคาทูน่าสูงขึ้น
แต่บริษัท มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาส 4 ประมาณ 99 ล้านบาท เพราะค่าเงินสหรัฐอ่อนค่าลงในช่วงปลายไตรมาส ในขณะที่บริษัทฯ มีการขายเงินสหรัฐล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของบริษัท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 มี.ค. 66)
Tags: AAI, หุ้นไทย, เอกราช พรรณสังข์, เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล