ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า (27 ก.พ.-3 มี.ค.) ไว้ที่ระดับ 34.50-35.30 บาท/ดอลลาร์ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินลงทุนของต่างชาติ (Flow) และการเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย ตัวเลขการส่งออกและรายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนม.ค.ของไทย ขณะที่มีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.พ. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ข้อมูล PMI ภาคการผลิต/บริการเดือนก.พ. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษ และอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ.ของยูโรโซนด้วยเช่นกัน
สัปดาห์นี้เงินบาทพลิกอ่อนค่าแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 เดือน โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ ก่อนจะทยอยอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ตามทิศทางสกุลเงินเอเชีย สวนทางเงินดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่าขึ้น โดยมีปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่คาด อาทิ ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นสำหรับเดือนก.พ.ที่เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน และการปรับตัวลงของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ซึ่งสนับสนุนแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในหลายๆ รอบการประชุมข้างหน้าของธนาคารกลางสหรัฐฯ
นอกจากนี้การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และการอ่อนค่าลงของเงินหยวนท่ามกลางสัญญาณตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน
ในวันศุกร์ที่ 24 ก.พ.66 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.85 บาท/ดอลลาร์ (หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 เดือนที่ 34.91 บาท/ดอลลาร์) เทียบกับ 34.60 บาท/ต่อดอลลาร์ในวันศุกร์ก่อนหน้า (17 ก.พ.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 20-24 ก.พ.นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 19,531 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทยต่อเนื่องอีก 7,069 ล้านบาท (ขายสุทธิ 3,246 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 3,823 ล้านบาท)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.พ. 66)
Tags: Forex, KBANK, ค่าเงินบาท, ธนาคารกสิกรไทย, อัตราแลกเปลี่ยน, เงินบาท