บล.พาย (Pi) ประเมินกรอบดัชนี SET สัปดาห์นี้ยังคงมุมมองว่าตลาดหุ้นจะเริ่มมี Upside ที่จำกัดหลังปรับขึ้นตอบรับข่าวดีไปหมดแล้วและ Valuation ก็เริ่มแพง ขณะที่การประกาศผลประกอบการหากเป็นไปตามตลาดประเมินไว้ก็เสี่ยงที่จะเผชิญแรง Sell on fact แต่หากดีกว่าคาดก็เชื่อว่า Upside ต่อราคาไม่เยอะมากจากการปรับขึ้นมาก่อนหน้าแล้ว
ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเพียงแค่ Trading พร้อมกับเลือกหุ้นที่ Valuation ไม่แพงจนเกินไป อาทิ ธนาคาร (BBL KBANK SCB TTB) สื่อสาร (ADVANC INTUCH) ค้าปลีก (BJC HMPRO) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF RATCH) น้ำมัน (PTTEP) ประเมินกรอบทั้งสัปดาห์ที่ 1,660 – 1,700 จุด
โดยนักลงทุนจะเริ่มให้น้ำหนักกับผลประกอบการไตรมาส 4/65 โดยคาดการณ์กำไรกลุ่ม Bank ภายใต้ Coverage (BBL KBANK KKP KTB SCB TISCO TTB) 4.2 หมื่นล้านบาท (+19.5%YoY -4%QoQ) การเติบโต YoY ได้แรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้นตามส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) และการสำรองหนี้ที่ลดลง ส่วนการลดลง QoQ เป็นเพราะค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล
ขณะที่ปี 66 ประเมินแนวโน้มกำไรกลุ่มจะทำจุดสูงสุดใหม่โดยคาดที่ 1.98 แสนล้านบาท โดยจุดสูงสุดก่อนหน้าทำไว้ที่ 1.85 แสนล้านบาทในปี 57 หนุนจากการเติบโตของสินเชื่ออย่างมั่นคง รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และส่วนต่างดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ที่จะออกมาได้แก่ (1) ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯในวันพุธที่จะประกาศในช่วง 20.30 ตามเวลาประเทศไทย Bloomberg ประเมินที่ -0.5% MoM ตัวเลขที่ต่ำกว่าตลาดประเมินไว้จะเป็นบวกมากกว่า (2) ในวันเดียวกันจะมีการประกาศเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต (PPI) Bloomberg คาดไว้ที่ -0.1%MoM หากต่ำกว่าตลาดคาดหมายไว้ก็จะเป็นบวกกับตลาดหุ้นเช่นเดียวกัน (3) วันพฤหัสบดีราว 20.30 จะมีการรายงานยอดสร้างบ้านใหม่ที่ 1.36 ล้านหลังคาเรือน และ ใบขออนุญาตก่อสร้างที่ 1.37 ล้านใบอนุญาต เชื่อว่าตัวเลขที่ต่ำกว่าคาดการณ์จะเป็นบวกมากกว่า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ม.ค. 66)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, บล.พาย, หุ้นไทย