นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) มีมติเห็นชอบให้ต่ออายุสินค้าและบริการควบคุม ภายใต้ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ 5 รายการ ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาควบคุมวันที่ 24 ม.ค.66 ออกไปอีก 1 ปี ประกอบด้วย 1.หน้ากากอนามัย 2.ใยสังเคราะห์ เพื่อผลิตหน้ากากอนามัยที่เรียกว่า สปันบอนด์ 3.แอลกอฮอล์ และเจลล้างมือ 4.เศษกระดาษและกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก (กระดาษรีไซเคิล) และ 5.ไก่และเนื้อไก่
ส่วนสินค้าอื่นที่เหลือในรายการ ยังเป็นสินค้าควบคุมเช่นเดิม ส่งผลให้มีสินค้าและบริการควบคุม 51 สินค้า และบริการ 5 รายการ ซึ่งจะทำให้ กกร.สามารถออกมาตรการกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพหากเกิดปัญหาขึ้น
ด้านนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า จากที่จีนได้เปิดประเทศเมื่อวันที่ 8 ม.ค.66 ซึ่งจะทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นมากนั้น กรมฯ ได้ประสานผู้ผลิตและจำหน่ายหน้ากากอนามัย ให้เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้หน้ากากอนามัยมีเพียงพอต่อความต้องการใช้ และไม่ส่งผลกระทบต่อราคา
ทั้งนี้ ผู้ผลิตยืนยันว่ากำลังการผลิตมีเพียงพอ และผลิตเพิ่มได้ รวมทั้งได้กำชับผู้ประกอบการ ร้านค้า ผู้จำหน่ายสินค้า ให้ปิดป้ายแสดงราคา ห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคา เพราะหากตรวจสอบพบ หรือได้รับการร้องเรียน จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
ส่วนกรณีที่โรงพยาบาลเอกชนเตรียมปรับขึ้นค่ารักษา และบริการทางการแพทย์ โดยอ้างสาเหตุต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจากการปรับขึ้นค่ากระแสไฟฟ้าว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค. กรมฯ ได้ประชุมร่วมกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชน โดยได้ขอความร่วมมือและกำชับให้การดำเนินการใดๆ ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด แต่หากโรงพยาบาลจะปรับขึ้นค่าบริการทางการแพทย์ จะต้องแจ้งค่าบริการมายังกรมก่อน เพื่อที่กรมจะได้เผยแพร่ค่าบริการผ่านเว็ปไซด์กรม ที่ www.dit.go.th เพื่อให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบ และเปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจใช้บริการ
นายวัฒนศักย์ ยังถึงการกำกับดูแลสินค้าและบริการปี 66 ว่า จะยังขอความร่วมมือผู้ผลิตให้ตรึงราคาสินค้าต่อไป เพื่อช่วยกันดูแลผู้บริโภค และไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพ แต่หากจำเป็นต้องปรับขึ้นราคา ก็จะใช้หลักการ “วินวิน โมเดล” ที่จะต้องดูแล 3 ฝ่าย ทั้งเกษตรกร ผู้ผลิต และผู้บริโภคให้อยู่ร่วมกันได้ ไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องแบกรับภาระมากเกินไป
“ขณะนี้ มีผู้ผลิตขอปรับราคาสินค้าเข้ามาต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น กลุ่มซักล้าง เพราะปรับผลิตภัณฑ์ หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งกรมฯ พิจารณาแล้ว ยังให้จำหน่ายราคาเดิม เพราะไม่ได้ปรับเพิ่มอะไรมาก เช่น เปลี่ยนกลิ่น แต่หากมีต้นทุนสูงขึ้นจริง ก็จะพิจารณาตามต้นทุน” อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุ
สำหรับสถานการณ์สินค้าในปี 66 ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ เพราะยังมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ทั้งราคาวัตถุดิบที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เช่น วัตถุดิบอาหารสัตว์ ต้นทุนน้ำมัน ค่ากระแสไฟฟ้า ซึ่งกรมฯ จะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหากจะขอปรับขึ้นราคา จะตรวจสอบต้นทุนอย่างละเอียดต่อไป ส่วนราคาเนื้อสัตว์ กรมฯ ยังคงติดตามใกล้ชิดเหมือนเดิม เพราะต้นทุนอาหารสัตว์ยังสูงอยู่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ม.ค. 66)
Tags: กรมการค้าภายใน, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, ราคาสินค้า, หน้ากากอนามัย, เจลล้างมือ