กลุ่มส่งออกไก่ดีดขึ้นอานิสงส์หวัดนกระบาดหนักในญี่ปุ่น-ตลาดเอเชียโตรับเปิดประเทศ

หุ้นกลุ่มส่งออกไก่ปรับตัวขึ้นรับปัจจัยหนุนญี่ปุ่นกำจัดสัตว์ปีกสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 10 ล้านตัวหลังไข้หวัดนกระบาดหนัก และเศรษฐกิจญี่ปุ่นและตลาดเอเชียกลับมาฟื้นตัวหนุนการบริโภคเนื้อไก่ รวมทั้งช้วงเข้าใกล้เทศกาลตรุษจีนคาดว่าราคาอาหาร โดยเฉพาะเนื้อสัตว์จะปรับตัวสูงชึ้นตามดีมานด์

เมื่อเวลา 10.16 น. GFPT บวก 0.40% หรือเพิ่มขึ้น 2.94 บาท มาที่ 14.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 138.50 ล้านบาท

TFG บวก 2.86% หรือเพิ่มขึ้น 0.15 บาท มาที่ 5.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 38.87 ล้านบาท

BTG บวก 1.55% หรือเพิ่มขึ้น 0.50 บาท มาที่ 32.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 76.63 ล้านบาท

CPF บวก 0.83% หรือเพิ่มขึ้น 0.20 บาท มาที่ 24.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 109.66 ล้านบาท

 

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ญี่ปุ่นกำจัดสัตว์ปีกกว่า 10 ล้านตัวหลังไข้หวัดนกระบาดหนัก ถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเริ่มพบการระบาดในเดือนต.ค.64 เราประเมินเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มส่งออกไก่อย่าง ได้แก่ BTG,CPF,GFPT ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกไปญี่ปุ่นราว 5%, 2-3% และ 10% ตามลำดับ

นอกจากนี้คาดว่าการเปิดเมืองของญี่ปุ่น จะหนุนให้มีความต้องการบริโภคไก่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นในปีนี้ มอง GFPT มีโอกาสได้ประโยชน์มากที่สุด

ด้าน บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การส่งออกไก่จะยังคงแข็งแกร่งในปี 66 เนื่องจากคาดว่าจะส่งออกไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น (47% ของการส่งออกไก่ทั้งหมด) ตามการกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง และการแข็งค่าของเงินเยน

ส่วนตลาดอื่น ๆ ในเอเชีย อย่างเช่น จีน ASEAN และเกาหลีใต้ ก็เป็นตลาดที่มีศักยภาพที่จะเติบโตได้ คาดว่าอุปสงค์จากตลาดเอเชียจะแข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นบวกกับ TFG ซึ่งมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตไก่เพื่อส่งออกอีก 20% ในปี 66 จากการที่บริษัทวางจำหน่ายสินค้า co-brand “Komedori” ร่วมกับพันธมิตรที่ญี่ปุ่น

ส่วนราคาเนื้อสัตว์ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหมูและไก่ในประเทศทรงตัวอยู่ที่ 97.50 บาท/กก. และ 41 บาท/กก. ตามลำดับ ส่วนราคาหมูในจีนยังลดลงอีก 11% เหลือ CNY15.2/กก. เพราะการบริโภคยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาหมูในจีนจะฟื้นตัวขึ้นได้ในเดือนต่อๆ ไปตามการบริโภค ในขณะเดียวกัน ต้นทุนอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นเนื่องจากปัจจัยฤดูกาล และความกังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศในอาร์เจนตินา

ราคาข้าวโพดในประเทศเพิ่มขึ้น 1% เป็น 13.30 บาท/กก.ในขณะที่ราคากากถั่วเหลืองในตลาดโลกเพิ่มขึ้น 6% เป็น 478 ดอลลาร์ฯ/ตัน คาดว่าราคาข้าวโพดและกากถั่วเหลืองจะยังคงอยู่ระดับใกล้เคียงปัจจุบันไปจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวหน้า (ข้าวโพดเดือนก.พ. และถั่วเหลืองที่อเมริกาใต้เดือนมี.ค.) และมองว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นน่าจะเป็นปัจจัยบวกในแง่ที่จะดึงให้ราคากากถั่วเหลืองนำเข้าลดลง

ยังคงคำแนะนำซื้อ CPF และ TFG ซึ่งเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มนี้ ในขณะเดียวกันยังคงคำแนะนำ “ถือ” BTG และ GFPT

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ม.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top