พร้อมเต็มสูบ! รับนทท.จีน ย้ำไม่เลือกปฏิบัติ-ตั้งศูนย์ฯติดตามสถานการณ์

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เป็นประธานในการประชุมกำหนดมาตรการรองรับการเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ครั้งที่ 1/2566 โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ กรุงเทพมหานคร สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เข้าร่วมประชุม

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้เป็นการหารือของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมการรับผู้เดินทางจากต่างประเทศสำหรับปี 2566 รวมถึงการเตรียมความพร้อมกรณีที่ประเทศจีนทยอยเปิดประเทศ เพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าทางการได้มีมาตรการรองรับที่รอบด้าน เพื่อจะให้ภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดดในระยะต่อไปสามารถชดเชยความเสียหายที่เกิดต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาได้

ทั้งนี้ ในภาพรวมการหารือมีความมั่นใจว่าประเทศไทยมีความพร้อมในทุกด้าน เนื่องจากการได้เตรียมการมาระยะหนึ่งและมีมาตรการที่ครอบคุม ทั้งการคัดกรอง ป้องกัน และดูแลรักษานักท่องเที่ยว และในครั้งนี้ก็มีการเสนอมาตรการเสริมจากหน่วยงานต่างๆ เพิ่มเติมเพื่อประสิทธิภาพในการควบคุมโรค ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข จะนำแต่ละข้อเสนอไปกำหนดเป็นรายละเอียดต่อไป

“ยืนยันในหลักดำเนินการที่จะไม่เลือกปฏิบัติต่อประเทศใดประเทศหนึ่ง เนื่องจากขณะนี้การยังคงมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในทุกประเทศ และเป็นการระบาดในมีสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกัน จึงไม่ควรให้โควิด-19 มาเป็นประเด็นการกีดกันประเทศใดประเทศหนึ่ง” นายอนุทิน กล่าว

โดยที่ประชุมได้พิจารณาข้อมูลที่ทุกหน่วยงานมีอยู่ในปัจจุบัน หากในระยะต่อไปสถานการณ์ของโรคเกิดการเปลี่ยนแปลง กระทรวงสาธารณสุข ในฐานผู้รับผิดชอบตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ก็พร้อมจะปรับมาตรการให้เหมาะสมต่อไป

อย่างไรก็ดี เนื่องจากขณะนี้ไม่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่มีศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 (ศบค.) ดังนั้นภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ จะต้องขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนให้การเปิดรับนักท่องเที่ยวในระยะต่อไปเป็นไปอย่างราบรื่น

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า จะเดินทางไปตรวจความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ร่วมกับ รมว.คมนาคม และรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ในวันที่ 12 ม.ค.นี้

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ได้พิจารณากำหนดหลักการและการขับเคลื่อนมาตรการควบคุมโควิด-19 ของประเทศไทยเพื่อรองรับผู้เดินทางจากต่างประเทศ ปี 2566 ในภาพรวมตามที่คณะกรรมการด้านวิชาการตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ได้ให้แนวทาง โดยจะไม่ใช้มาตรการด้านสาธารณสุขสำหรับโควิด-19 เพื่อกีดกันผู้เดินทางจากประเทศใด โดยไทยมีมาตรการป้องกันควบคุมโควิด-19 ตามหลักวิชาการซึ่งเป็น World standard protocol

โดยประเทศไทยจะต้อนรับและดูแลผู้มาเยือนจากทุกประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และขณะนี้ระบบสาธารณสุขของประเทศมีความพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ มีการเตรียมความพร้อมหากพบการระบาดรุนแรงขึ้น แต่จะมีการเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังโรคจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศ การดูแลจัดการน้ำเสียจากเครื่องบิน รวมทั้งติดตามประเมินผลสถานการณ์ในช่วงไตรมาสแรก ปี 2566 เพื่อกำหนดมาตรการที่เหมาะสมตามสถานการณ์ต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับมาตรการด้านสาธารณสุข ซึ่งเสนอโดยกระทรวงสาธารณสุขนั้น กรณีก่อนเข้าประเทศไทย จะต้องมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 2 เข็ม และหากมีอาการป่วยโรคทางเดินหายใจ แนะนำให้เลื่อนการเดินทาง และรักษาให้หายก่อนเดินทางเข้าไทย พร้อมกับแนะนำให้ซื้อประกันสุขภาพเดินทางที่ครอบคลุมการรักษาโควิด19 ก่อนเข้าไทย เพื่อลดภาระการใช้จ่ายด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในช่วงพำนักในประเทศไทย

ส่วนระหว่างพำนักในประเทศไทยนั้น จะมีการแนะนำให้ผู้เดินทางจากต่างประเทศป้องกันตนเอง เช่น สวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในสถานที่สาธารณะ รถโดยสารสาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ เน้นการตรวจคัดกรองด้วย ATK เมื่อมีอาการ ส่วนกรณีผู้เดินทางที่จะออกจากไทยไปยังประเทศที่มีนโยบายคัดกรองก่อนเข้าไทย จะมีการแนะนำให้ผู้เดินทางพักในโรงแรม SHA Plus ซึ่งจะมีบริการตรวจเชื้อโควิด-19 โดยสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

พร้อมกันนี้ ได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการติดตามสถานการณ์โรค และตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน กรณีพบการระบาดในกลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศ มีการเพิ่มกลไกการายงานสถานการณ์ผ่านเว็บไซต์ การควบคุมโรค ที่เน้นแจ้งจำนวนนักท่องเที่ยวและตรวจคัดกรองผู้ที่มีอาการป่วยทางเดินหายใจที่สนามบิน โดยมีการรายงานทุกสัปดาห์ มีการกำหนดเกณฑ์สำหรับการปรับมาตรการเมื่อพบผู้ติดเชื้อในอัตราสูงขึ้น หรือมีการกลายพันธุ์ และมีการเฝ้าระวัง ตรวจสายพันธ์เชื้อโควิด-19 ในน้ำเสียจากเครื่องบิน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กำหนดแนวทางการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกประเทศที่มีการติดเชื้อ โดยสามารถติดต่อหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือในการประสานงานเข้ารับการรักษา อาทิ ตำรวจท่องเที่ยว โทร 1155, ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (TAC) โทร 02 134 4077, สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด (สทกจ.) ทุกจังหวัด และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โทร 1672

ทางด้านกระทรวงคมนาคม ได้รายงานถึงการเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในทุกท่าอากาศยาน ซึ่งขณะนี้สามารถรองรับผู้เดินทางจากต่างประเทศได้ เนื่องจากปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาประมาณ 50-60% ของปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโควิด-19

ส่วนปัญหาความแออัดที่พบขณะนี้ เป็นเพียงเรื่องของการบริหารจัดการที่ผู้ประกอบการยังไม่สามารถเพิ่มผู้ปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับจำนวนผู้เดินทาง โดยขณะนี้ กระทรวงคมนาคมกำลังเร่งรัดเพิ่มศักยภาพในการให้บริการให้กลับสู่ภาวะปกติ ควบคู่กับการบริหารจัดการในช่วงเวลาเร่งด่วน และมีการเตรียมแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว สำหรับการให้บริการทั้งการเดินทางผ่านอากาศยาน การให้บริการรถโดยสารสาธารณะ ณ ท่าอากาศยาน ระบบขนส่งสาธารณะในเมือง และการจัดตั้งศูนย์ประสานงานร่วม 3 กระทรวง คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้หารือกันถึงประเด็นการซื้อประกันสุขภาพของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยที่ประชุมได้มีการกำหนดหลักการว่า จะไม่มีการกำหนดมาตรการแบบเลือกปฏิบัติกับประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ แต่จะกำหนดให้สอดคล้องกับมาตรการของประเทศนั้นๆ เช่น หากประเทศใดมีการกำหนดว่าให้ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องตรวจ RT-PCR ก่อนกลับประไทย ไทยก็อาจต้องมีการกำหนดให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากประเทศนั้นต้องซื้อประกันสุขภาพ เป็นต้น รวมถึงกรณีการให้วัคซีนแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ว่าจะสัญชาติใด หากต้องการจะรับวัคซีนในไทย ก็จะมีการให้บริการเพื่อเน้นให้เห็นถึงการเป็นเมดิคอลฮับของไทย แต่จะไม่ใช่การให้บริการฟรี

“รายละเอียดประกันสุขภาพ และการให้วัคซีนนี้ กระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดรายละเอียดข้อกำหนด และประกาศให้ทราบต่อไป” น.ส.ไตรศุลี ระบุ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา คาดว่า นักท่องเที่ยวจีนน่าจะเข้ามาไทยมากขึ้นในช่วงหลังตรุษจีน และเชื่อว่า ในช่วงโลว์ซีซั่น (เดือนเม.ย.-มิ.ย.) น่าจะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนได้เต็มรูปแบบ ซึ่งทางการไทยพร้อมเต็มทุกรูปแบบ

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่า ในเดือนม.ค. จะมีนักท่องเที่ยวจีน 60,000 คน เดือนก.พ. 90,000 คน และเดือนมี.ค. 1.5 แสนคน โดยตั้งเป้านักท่องเที่ยวจีนปี 66 ที่ 5 ล้านคน และจะมีการขยับเป้านักท่องเที่ยวทั้งปีจากที่ 20 ล้านเป็น 25 ล้านคน หลังจากจีนเปิดประเทศ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ม.ค. 66)

Tags: , , , , , , , , , ,
Back to Top