หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นขานรับตัวเลข PCE สหรัฐตามคาด-ราคาน้ำมันขึ้น

นักวิเคราะห์มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้น จากรับ Sentiment เชิงบวกของตลาดต่างประเทศ หลังสหรัฐประกาศตัวเลข PCE ออกมาต่ำกว่าคาด และราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นจากรัสเซียเตรียมลดกำลังการผลิตในต้นปีหน้า ส่วนในประเทศคาดหวังทำ Window Dressing และเม็ดเงินจากกองทุน SSF และ กองทุน RMF พร้อมให้แนวรับที่ 1,610 และ 1,605 จุด แนวต้านที่ 1,620 และ 1,625 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ มองว่ามีโอกาสขยับตัวขึ้น จากได้รับ Sentiment ของตลาดต่างประเทศ และราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยตลาดต่างประเทศบวกขึ้นมาจากตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ชะลอตัวตามที่ตลาดคาด และราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นจากที่รัสเซียประกาศลดกำลังการผลิต 3-5% ในช่วงต้นปีหน้า เพื่อตอบโต้ที่กำหนดเพดานน้ำมันรัสเซีย

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังคาดหวังเชิงบวก จากการทำ Window Dressing และเม็ดเงินซื้อกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ไหลเข้าตลาดโค้งสุดท้ายของปี

ให้กรอบแนวรับที่ 1,610 และ 1,605 จุด แนวต้านที่ 1,620 และ 1,625 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (23 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,203.93 จุด เพิ่มขึ้น 176.44 จุด หรือ +0.53%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,844.82 จุด เพิ่มขึ้น 22.43 จุด หรือ +0.59% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,497.86 จุด เพิ่มขึ้น 21.74 จุด หรือ +0.21%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,299.54 จุด เพิ่มขึ้น 64.29 จุด หรือ +0.24% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,048.20 จุด เพิ่มขึ้น 2.33 จุด หรือ +0.076% ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวันนี้ (26 ธ.ค.) เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ธ.ค.65) 1,617.55 จุด เพิ่มขึ้น 0.88 จุด, +0.05%

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 272.81 ลบ.เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. (23 ธ.ค.) พุ่งขึ้น 2.07 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 79.56 ดอลลาร์/บาร์เรล และเพิ่มขึ้น 6.9% ในรอบสัปดาห์นี้

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ธ.ค.) อยู่ที่ 8.89 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.71 คาดธุรกรรมเบาบางหลังหลายตลาดปิดทำการ

– “บอร์ดอีวี” เร่งดันมาตรการส่งเสริมแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า ม.ค.66 “สรรพสามิต” ดันมาตรการภาษีส่งเสริมผลิตแบตเตอรี่ หวังราคาในประเทศใกล้เคียงนำเข้า ชี้ผู้ร่วมมาตรการต้องมีแผนรีไซเคิลแบตเตอรี่ควบคู่ด้วย ประเมินยอดรถอีวีพุ่ง 7.5 หมื่นคันในปี 66-67 “บีโอไอ” เผยต่างชาติแห่ถามเงื่อนไขลงทุน มั่นใจเกิดโรงงานใหญ่ในไทยเพิ่ม “เอกชน” เร่งรัฐคลอดมาตรการแบต

– “นิด้าโพล” เปิดโพลคะแนนนิยมการเมือง “อุ๊งอิ๊ง” นำโด่งคนอยากให้เป็นนายกฯ “บิ๊กตู่-พิธา” สูสี “บิ๊กป้อม-เฮียมิ่ง” รั้งท้าย “รวมไทยสร้างชาติ” เรตติ้งขยับขึ้นพรรคเบอร์ 3 “เอกนัฏ” โวสำรวจก่อน “ลุงตู่” ชัดเจน เชื่อสำรวจใหม่กระฉูดแน่ พปชร.แย้มส่ง “ลุงป้อม” ประกวดคนเดียว “มิ่งขวัญ” แห้ว “เนวิน” เชื่อทุกพรรคร่วมจัด รบ.ได้

– ท่องเที่ยวปีใหม่คึกคัก ดันบุ๊กกิ้งเมืองท่องเที่ยว 85-90% โรงแรม 4-5 ดาวตีปีกลูกค้าพุ่ง เฮโลปรับราคา ขายกาล่าดินเนอร์ คืนเคาท์ดาวน์ ราคาครึ่งหมื่นไปจนถึง 2 หมื่นบาท ภูเก็ตเนื้อหอมต่างชาติทะลัก ขณะที่คนไทยแห่เที่ยวเชียงใหม่-ชลบุรี ททท.คาดไทยเที่ยวช่วงหยุดยาวนี้ 3.14 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 1.12 หมื่นล้านบาท คนไทยเที่ยวนอกเพิ่ม 3.34 หมื่นคนต่อวัน

– เอกชน 3 สถาบันผนึกบิ๊กธุรกิจรวมพลังค้านปรับขึ้นค่าไฟ 1 มกราคม 2566 ซีอีโอ SCG ออกโรงชี้ต้นทุนค่าไฟฉุดความสามารถแข่งขันหวั่นผลกระทบประเทศระยะยาวนักลงทุน “ย้ายฐาน” กระทุ้งรัฐตั้งทีมเจรจาหาทางออก ประธาน ส.อ.ท.หวั่นนักลงทุนหนีไปเวียดนาม “ค้าปลีก-โรงแรม” เจ็บหนัก แจงต้นทุนค่าไฟเพิ่มขึ้นเท่าตัว ราคาห้องพักปรับเพิ่มไม่ได้ เสนอตรึงค่าไฟเป็นของขวัญปีใหม่ พร้อมแนวทางแก้ปัญหาสารพัด ธุรกิจดิ้นปรับเวลาทำงานลดใช้ไฟช่วงพีก

 

หุ้นเด่นวันนี้

– CENTEL (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 52.50 บาท เตรียมตัว Turnaround รับการท่องเที่ยว+บริโภคที่ฟื้นแรง แนวโน้มรายได้จากธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในประเทศฟื้นตัวเด่น ล่าสุด RevPAR ต.ค.-พ.ย. โต 83%YoY, +33%QoQ เช่นเดียวกับธุรกิจอาหารที่ SSSG +13%YoY (โตทั้ง 2 ขา) , จีนผ่อนคลายมาตรการ + ไทยออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวหนุน ส่วนปี 66 ททท. ตั้งเป้านักท่องเที่ยว 25 ล้านรายได้ และอาจมีการปรับประมาณการหากจีนเปิดประเทศ DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 67 ลบ. พลิกจากขาดทุนในปี 2564 ส่วนกำไรปี 2566 คาดที่ 1 พัน ลบ. +1459%YoY ตามลำดับ

– ORI (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/65 คาดว่าจะเติบโตโดดเด่นมากขึ้นตามโครงการใหม่ที่เริ่มโอน ทั้ง Park Origin ราชเทวีและจุฬา-สามย่าน รวมถึงโครงการแนวราบที่เร่งตัว นอกจากนี้คาดยังเห็นการบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยหนุน คาดกำไรปกติปี 2565-2566 +20% Y-Y และ +26% Y-Y ตามลำดับ ขับเคลื่อนจากทั้งธุรกิจอสังหาฯที่มีสินค้าและแบรนด์ตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย รวมถึงธุรกิจ Recurring ที่จะทำให้การเติบโตมีเสถียรภาพมากขึ้นทั้งคลังสินค้า โรงแรม Wellness รวมถึงลูกอย่าง PRI

– TOP (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 63.00 บาท แนวโน้มไตรมาส 4/65 น่าจะเห็นกำไรกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ทั้งจากความเสี่ยงในการรับรู้ Stock loss ลดลง และค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่า ส่วนผลประกอบการปกติของ TOP จะได้ปัจจัยบวกจาก Crude premium ที่ลดลง Crack spread น้ำมันอากาศยาน/ดีเซลที่ยังดีตามความต้องการใช้ในฤดูหนาว ล่าสุดมี Sentiment บวกจากสถานการณ์พายุหิมะที่พัดถล่มในรัฐเท็กซัสที่มีโรงกลั่นต้องปิดชั่วคราว)




โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ธ.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top