นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวน์ตามภูมิภาคเอเชีย หลังตอบรับปัจจัยลบนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ไปแล้ว ขณะเดียวกันได้ปัจจัยหนุนจากภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และอยู่ในช่วงเริ่มทยอยพรีวิวงบปี 65 นำโดยกลุ่มแบงก์ รวมถึง DELTA เข้าคำนวณ SET50 ตามคาด ให้แนวต้าน 1,620-1,628 จุด แนวรับ 1,598-1,590 จุด
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย หลังตอบรับปัจจัยเสี่ยงจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีให้เคลื่อนไหวในช่วง -0.5% ถึง +0.5% จากเดิมที่อยู่ในกรอบ -0.25% ถึง +0.25% ไปแล้ว
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ วานนี้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ก็จะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่ม Domestic play ปรับตัวขึ้น อีกทั้งช่วงปลายปีนี้ก็จะเริ่มเห็นการทยอยพรีวิวผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย นำโดยธนาคารพาณิชย์คาดว่าจะเติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงหุ้น DELTA ก็ได้เข้าคำนวณดัชนี SET50 ตามคาดด้วย ทำให้วันนี้มองว่าหุ้นกลุ่มการบริโภคภายในประเทศ แบงก์ และ DELTA จะเข้ามาหนุนตลาดให้ปรับตัวขึ้น
ให้แนวต้านไว้ที่ 1,620-1,628 จุด และแนวรับ 1,598-1,590 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (20 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,849.74 จุด เพิ่มขึ้น 92.20 จุด หรือ +0.28%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,821.62 จุด เพิ่มขึ้น 3.96 จุด หรือ +0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,547.11 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด หรือ +0.01%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,547.17 จุด ลดลง 20.86 จุด หรือ -0.08% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,190.91 จุด เพิ่มขึ้น 96.11 จุด หรือ +0.50% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,078.33 จุด เพิ่มขึ้น 4.56 จุด หรือ +0.15%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ธ.ค.65) 1,604.44 จุด ลดลง 13.76 จุด, -0.85%
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,843.83 ลบ.เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.65
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (20 ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 76.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ธ.ค.) อยู่ที่ 8.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.65 แข็งค่าวานนี้ รับดอลลาร์อ่อนค่า ให้กรอบวันนี้ 34.50-34.85
- ส.อ.ท.ประเมินเบื้องต้นการผลิตรถยนต์ ปี 2566 จะอยู่ระดับ 1.85-1.95 ล้านคัน โดยขอดูตัวเลขเดือน ธ.ค.อีกครั้งเพื่อสรุปอย่างเป็นทางการ รับยอดผลิตพ.ย.พุ่งสูงสุดรอบ 44 เดือนส่งผล 11 เดือนแรกแตะ 1.72 ล้านคัน ลุ้นทั้งปีทะลุเป้าหมายแรก 1.8 ล้านคัน ขณะที่อีวีป้ายแดงปี 66 คาดอยู่ที่ 25,000-35,000 คัน ยังโตแบบก้าวกระโดด
- กกพ.ส่งสัญญาณค่าไฟภาคอุตสาหกรรมยังมีลุ้นปรับลดลงต่ำกว่า 5.69 บาทต่อหน่วยหากภายในสิ้นปีนี้ กฟผ.-ปตท. มีหนังสือขอเปลี่ยนแปลงตัวเลขการบริหารจัดการหนี้ กฟผ.ใหม่ ขณะที่ค่าไฟกลุ่มเปราะบางยังต้องรอความชัดเจนจากนโยบายรัฐ ส่วนค่าไฟงวด พ.ค.-ส.ค.66 ลุ้นก๊าซฯ ในอ่าวไทย การอุดหนุนจากรัฐชี้ชะตา
- “อาคม” เผยแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ คาดเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 278,771 ล้านบาท มีผลต่อจีดีพี 0.76% ขณะที่รัฐสูญเสียรายได้เพียง 18,690 ล้านบาท “ช้อปดีมีคืน” ปีนี้ เพิ่มค่าเติมน้ำมันได้ ขอความร่วมมือลดค่าเครื่องบิน ย้ำ! ไม่มีคนละครึ่งเฟส 6 ชี้เศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว
- เปิด 10 ธุรกิจดาวรุ่ง การแพทย์-ความงามนำโด่งอันดับ 1 รองลงมาเป็นอีคอมเมิร์ซ โซเชียลมีเดีย ยูทูบเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์ รวมถึงแพลตฟอร์มแมชชิ่งหรือธุรกิจจับคู่ บันเทิงซีรีส์วาย ส่วนธุรกิจดาวร่วงยังโรยเหมือนเดิม ทั้งฟอกย้อมสิ่งพิมพ์ เสื้อผ้าโหล รวมถึงคริปโตเคอร์เรนซี
- สรท.เปิดเป้าหมายส่งออกไทยปี 66 รายสินค้า ข้าว ยางพารา มันฯ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ไม่ขยายตัว รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม โตต่ำรับเศรษฐกิจโลกถดถอย เงินเฟ้อพุ่งต่อ ฉุดกำลังซื้อหด “จุรินทร์” ตั้งวอร์รูมเตรียมถกเอกชน ดันแผนเชิงรุก เจาะ 3 ตลาดมีศักยภาพ สู้ศึกขาลง
- ธปท.เตรียมออกเอกสารกำหนด “ทิศทางและนโยบาย” ตีกรอบบทบาทแบงก์แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน หวังแก้หนี้ครบวงจร ตั้งแต่หนี้เดิมยันการก่อหนี้ใหม่ ขณะที่ “ประธานสมาคมไทย” ชี้ปี’66 สถานการณ์หนี้เสียยังน่าห่วง ระบุแผนธุรกิจ “กรุงไทย” ยังช่วยปรับโครงสร้างหนี้-ประคองกลุ่มเปราะบางต่อเนื่อง
*หุ้นเด่นวันนี้
- บมจ.วอริกซ์ สปอร์ต (WARRIX) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรก 21 ธ.ค.65 นี้ ด้วยราคา IPO ที่ 6.30 บาท โดยจำหน่ายเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา และบริการคลีนิคกายภาพบำบัด
- PRI (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 25.00 บาท แนวโน้มรายได้ปี 65 -67 หนุนด้วยการเปิดโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ล่าสุดยอด 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.65) มูลค่าโครงการใหม่พุ่งกว่า 3.73 แสน ลบ. +91%YoY PRI พร้อมรับงานทั้งในกลุ่ม ORI และนอกกลุ่ม , Backlog ณ ไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 328 ลบ. และอยู่ในขาขึ้น (Begin of new S-Curve) กำไรงวด 9 เดือนปี 65 โต +128%YoY ส่วนปี 66 มีโอกาสโตแรง เพราะ ORI-BRI และกลุ่มเร่งการเปิดโครงการขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่ H2/65โดย IAA ประเมินกำไรสุทธิปี 65-66 เฉลี่ยที่ 216 ลบ. และ 314 ลบ. +94%YoY, +45%YoY ตามลำดับ
- M (ฟินันเซียไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 66 บาท โมเมนตัมกำไรไตรมาส 4/65 คาดเร่งตัวขึ้น Q-Q และ Y-Y ตาม Festive Season หนุน Traffic ให้ปรับขึ้น ขณะที่ฝั่ง Margin คาดว่าดีและการขึ้นราคาในปีนี้ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับลงจะลดแรงกดดันด้านต้นทุน คาดกำไรปี 65 โต 11 เท่าตัว Y-Y จากฐานต่ำปีก่อน และคาดเร่งตัวแรงอีก +47% Y-Y กลับมาเข้าใกล้ช่วงก่อนโควิดได้ตามการ Reopening เต็มปี และหากจีนทยอยเปิดประเทศปีหน้าจะเป็น Catalyst บวกของแหลมเจริญระยะถัดไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 65)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย