นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ทำการสำรวจลู่ทางการส่งออกให้กับสินค้าไทยไปยังประเทศต่างๆ ล่าสุด ได้รับรายงานจาก น.ส.ชนิดา อินปา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองชิงต่าว สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงโอกาสในการขยายตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยเข้าสู่ตลาดจีน ซึ่งปัจจุบันมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รองรับความต้องการเลี้ยงสัตว์ของชาวจีน ทำให้อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตขึ้นตามไปด้วย
โดยในปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง และของใช้ในชีวิตประจำวันของสัตว์เลี้ยง ครองส่วนแบ่งตลาดในสัดส่วนที่มากที่สุด โดยผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงในจีนปี 62 มีมูลค่า 105,800 ล้านหยวน หรือประมาณ 560,740 ล้านบาท และปี 64 มูลค่าเพิ่มขึ้น เป็น 140,100 ล้านหยวน หรือประมาณ 742,530 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวน เท่ากับ 5.3 บาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากจำนวนประชากรที่มีฐานะโสด มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีความต้องการสัตว์เลี้ยงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของจีน ส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่ถูกครองโดยบริษัทต่างชาติ โดยอาหารหลัก Royal Canin ครองส่วนแบ่งตลาด 13% รองลงมา Myfoodie 8%, PureNatural 7% และ Orijen Cat & Kitten 5% และอาหารว่าง Myfoodie ครองส่วนแบ่งตลาด 18% รองลงมา Wanpy, FancyFeast และ Frisian ครองส่วนแบ่งประมาณ 5% แต่อุตสาหกรรมของจีนเริ่มมีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ทำให้เข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมากขึ้น
นายภูสิต กล่าวว่า ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในจีน เป็นตลาดที่น่าจับตาสำหรับผู้ประกอบการไทย เพราะยังมีโอกาสอีกมาก โดยการเปิดตลาดสามารถทำได้หลายช่องทาง ทั้งผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังในจีน หรือช่องทางอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน โดยการร่วมมือกับพันธมิตร คู่ค้าที่น่าเชื่อถือได้ในจีน และเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้ากับเทศกาลสำคัญของแพลตฟอร์มออนไลน์ การทำคลิปวิดีโอสั้น การร่วมกับผู้มีชื่อเสียงท้องถิ่นในการแนะนำสินค้า รวมทั้งการเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติระดับประเทศ ทั้งในเมืองหลวง และเมืองรองต่างๆ เพื่อทดสอบตลาดในระยะเริ่มต้น
“ปัจจุบัน สามารถพบเห็นอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย วางจำหน่ายอยู่บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีนบ้างแล้ว อาทิ JD.com และ TaoBao เป็นต้น แต่ยังมีแบรนด์ที่ไม่หลากหลายเท่าที่ควร จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้ประกอบการอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยรายใหม่ๆ จะเข้าสู่ตลาดได้เพิ่มขึ้น” อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุ
นอกจากนี้ ในการเข้าสู่ตลาด จะต้องศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวจีน ในการเลือกซื้ออาหารสัตว์เลี้ยง ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณสมบัติของอาหารสัตว์เลี้ยง ให้ตรงความต้องการของผู้บริโภคในตลาดจีน ที่มีความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และมีสารอาหารเสริมครบถ้วน ต้องการผลิตภัณฑ์ Hi-End ที่มีความเป็นธรรมชาติหรือออร์แกนิก เพราะสินค้ากลุ่มนี้ ผู้เลี้ยงสัตว์วัยหนุ่มสาวชาวจีนให้ความสำคัญมาก เนื่องจากมีผลต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 65)
Tags: lifestyle, กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์, อาหารสัตว์เลี้ยง